19 JAN 2023 ความงาม 4 นาทีในการอ่าน 1760 VIEWS

สิวเกิดจากอะไร มีกี่ประเภท ดูแลยังไงให้หน้าใสกิ๊ง!

สาเหตุของการเกิดสิว ส่วนใหญ่มาจากสิ่งสกปรกที่สะสมตัวอยู่บนรูขุมขนจนทำให้เกิดสิว แต่บางครั้ง อาจเกิดจากความเครียดและฮอร์โมนที่ไม่สมดุล

สิวคืออะไร

สิวคืออะไร

สิว คือ การที่ต่อมไขมันข้างใต้รูขุมขนไม่สามารถขับไขมันออกมาได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะมีสิ่งสกปรกหรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วอุดตันอยู่บนชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบหรืออุดตัน จนกลายเป็นตุ่มบวมแดงและนูนบริเวณผิวหนัง เช่น ใบหน้า ลำคอ หลัง หรือตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งการเป็นสิวถือว่าเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่สามารถเกิดได้ทุกช่วงวัย แต่มักจะเกิดบ่อยในช่วงวัยรุ่น

สิวเกิดจากอะไร

ในหัวข้อนี้จะมาดูกันว่าจริงๆ แล้วสิวเกิดจากอะไร? โดยจะมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

  • ต่อมไขมันอุดตัน: โดยอาจเกิดจากการมีสิ่งสกปรกอุดตันอยู่บนชั้นผิวหนัง ทำให้ไม่สามารถขับไขมันออกมาได้ทัน จนเกิดการอุดตันและอักเสบในที่สุด
  • ล้างหน้าไม่สะอาด อาจทำให้ฝุ่น เครื่องสำอาง ครีมกันแดด หรือสิ่งสกปรกต่างๆ ตกค้างอยู่บนผิว จนทำให้เกิดสิว
  • พักผ่อนไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นฟูผิวน้อยลง และร่างกายเกิดความเครียดจนการหลั่งของฮอร์โมนในร่างกายผิดปกติ ส่งผลให้หน้ามันขึ้น ผลัดเซลล์ผิวได้ไม่ดี และรูขุมขนอุดตัน
  • ฮอรโืมนแปรปรวนมักเกิดในช่วงที่มีประจำเดือน ภาวะหมดประจำเดือน หรือขณะตั้งครรภ์ เพราะระดับฮอร์โมนกำลังเปลี่ยนแปลง จนทำให้เกิดสิว
  • ความมันบนผิว เกิดจากต่อมไขมันบนผิวหนัง ถ้าหากผลิตมามากเกินไปก็จะทำให้เป็นสิวได้ง่าย แต่ถ้าหากผลิตน้อยเกินไปก็จะทำให้ผิวของเรานั้นแห้ง และระคายเคืองได้ง่ายเช่นกัน
  • ความเครียด อาจส่งผลต่อการนอนหลับ การทานอาหาร ระบบเผาผลาญ หรือระบบย่อยอาหาร เป็นต้น จนส่งผลให้มีอาการต่างๆ มาแสดงบนผิว เช่น อาการคัน ผื่น รอยแดง รอยดำ และสิว เป็นต้น
  • ลดน้ำหนัก อาจทำให้ร่างกายขาดสารอาหารบางอย่าง และอาจส่งผลต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย จึงส่งผลให้เกิดสิวขึ้นได้นั่นเอง
  • การใช้ยา การใช้ยาบางชนิดอาจมีสารบางอย่างในตัวยาที่ส่งผลให้เกิดสิวได้ โดยเฉพาะยาที่มีสเตียรอยด์ หรือการใช้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนรักษาโรคบางชนิด และในยาบางชนิดก็อาจทำให้ผิวแห้ง ส่งผลให้ผิวระคายเคืองง่าย และสิวขึ้นง่ายมากขึ้น
  • การสูบบุหรี่ เกิดจากการที่หลอดเลือดในร่างกายแคบลงจากการสูบบุหรี่ ทำให้ส่งออกซิเจน และสารอาหารที่จำเป็นไปยังผิวชั้นนอกได้น้อยลง จึงส่งผลให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว

ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวสามารถแบ่งได้เป็น 2 ปัจจัย ได้แก่

ปัจจัยภายใน

ปัจจัยภายในร่างกายเป็นสิ่งกระตุ้นหลักที่ทำให้เกิดสิวได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฮอร์โมน ยิ่งในช่วงวัยรุ่นที่จะมีฮอร์โมนแอนโดรเจนสูง นอกจากนี้ยังมีเรื่องของความเครียด ที่หากมีความเครียดมากขึ้นจะยิ่งไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน รวมไปถึงกรรมพันธุ์ที่อาจจะส่งต่อการเกิดสิวไปยังรุ่นต่อๆ ไป

ปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกร่างกาย เกิดจากสิ่งกระตุ้นทั้งในเรื่องสภาพแวดล้อม หรือเรื่องอาหารการกิน เช่น เครื่องสำอาง ยา อากาศ สูบบุหรี่ นมวัว เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้เกิดปัญหาผิวหนังอย่างสิวได้

ประเภทของสิว

ประเภทของสิว

สิวมีหลากหลายประเภท แต่ที่นิยมจะเป็นการแบ่งเป็นสิวไม่อักเสบและสิวอักเสบ

สิวไม่อักเสบ

สิวไม่อักเสบ หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า สิวอุดตัน คือสิวที่มีการอักเสบหรืออุดตันของรูขุมขน แต่เวลากดบริเวณที่เป็นจะไม่มีความรู้สึกเจ็บ เช่น โดยสิวอุดตันแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่

  • สิวหัวปิด: มีลักษณะเป็นตุ่มนูนสีขาวขนาดเล็ก จึงเรียกอีกชื่อว่าสิวหัวขาว หากมีการบีบ แคะ แกะ อาจทำให้กลายเป็นสิวอักเสบได้
  • สิวหัวเปิด: ลักษณะเป็นหัวแบนเรียบ เป็นสิวอุดตันที่มีสีดำตรงผิวหนัง จึงเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสิวหัวดำ
  • สิวผด: คือผื่นรูปแบบหนึ่งที่เกิดจากแสงแดด UVA ของแสงแดดจะกระตุ้นให้เกิดผด มีลักษณะเป็นตุ่มเล็กๆ

สิวอักเสบ

สิวอักเสบ คือสิวที่มีการอักเสบและอุดตันของรูขุมขนที่เกิดจากสิ่งแปลกปลอมและแบคทีเรียที่มากระตุ้นให้ผิวหนังมีการอักเสบ ซึ่งแบคทีเรียที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบนั้นมีชื่อว่า Cutibacterium acnes โดยสิวประเภทนี้จะเกิดความรู้สึกเจ็บเวลากดบริเวณที่เป็นสิว ตัวอย่างของสิวอักเสบ เช่น

  • สิวตุ่มแดง มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดง มีขนาดที่เล็ก มักจะเกิดการอักเสบอยู่ที่บริเวณชั้นผิวหนังด้านบน
  • สิวหัวหนอง มีลักษณะเป็นตุ่มหนอง หรือตุ่มสิวที่มีหนองอยู่บริเวณด้านบนของตุ่มเป็นสีขาวเหลือง
  • สิวหัวช้าง เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรง มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ ไม่มีหัว ข้างในอาจมีหนองปนเลือด โดยจะเกิดการอักเสบอย่างรุนแรงที่บริเวณชั้นผิวหนังแท้

บริเวณที่มักเกิดสิว และสาเหตุ

บริเวณที่มักจะเกิดสิวเป็นบริเวณที่ต่อมไขมันอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งบริเวณที่สามารถพบสิวได้บ่อย มีดังนี้

  • รอบริมฝีปาก อาจมาจากคราบอาหารหรืออาการแพ้ลิปสติก
  • แก้ม อาจมาจากฮอร์โมนที่ผิดปกติ การล้างหน้าไม่สะอาด หรือผ้าเช็ดตัว ปลอกหมอน ที่นอน มีฝุ่นสะสมเยอะ
  • หลัง อาจมาจากการสะสมของเหงื่อ การอาบน้ำไม่สะอาด หรือเสื้อผ้าที่มีเชื้อรา
  • หน้าผาก อาจมาจากความมันของเส้นผม การล้างหน้าไม่สะอาด หรือความเครียด
  • คาง มักเกิดจากฮอร์โมนที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะในช่วงที่มีรอบเดือน

ทำยังไงให้ห่างไกลสิว? มาดูวิธีดูแลตัวเองเพื่อป้องกันสิว

วิธีการปฏิบัติเพื่อป้องกันการเกิดสิว สามารถทำได้ดังนี้

  • การพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายมีเวลาซ่อมแซมฟื้นฟูสภาพร่างกายที่สึกหรอ เสื่อมโทรมให้กลับมาสดชื่นดังเดิม
  • ไม่เครียด เพราะเมื่อเกิดความเครียด ร่างกายจะมีการหลั่งฮอร์โมนที่ผิดปกติ ส่งผลให้ต่อมน้ำมันผลิตน้ำมันมากเกินไป และการผลัดเซลล์ผิวไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสิวได้
  • ไม่สัมผัสใบหน้าบ่อยครั้ง เพราะเมื่อสัมผัสใบหน้าด้วยมือที่สกปรก จะเป็นการนำพาเชื้อโรคแบคทีเรียเข้าสู่รูขุมขน ทำให้เกิดการอักเสบของผิว
  • ทำความสะอาดปลอกหมอน ที่นอน ผ้าเช็ดตัวอยู่เป็นประจำ เพื่อลดจำนวนแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกที่อาจสะสมอยู่ตามข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารบางประเภทที่อาจกระตุ้นให้เกิดสิวได้ เช่น อาหารที่มีความหวานจัด มันจัด

อาหารที่ทําให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง?

อาหารที่ทําให้เกิดสิวมีอะไรบ้าง?

มีอาหารจำนวนมาก ที่เป็นตัวการกระตุ้นทำให้เกิดสิว ซึ่งอาจแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่

  • ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว เนื่องจากฮอร์โมนในนมวัวจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้เกิดหน้ามันและเป็นสิว รวมถึงกระบวนการย่อยนมวัวจะทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนแอนโดรเจนซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโต ทำให้เกิดสิวตามมาได้
  • อาหารที่มีค่าน้ำตาลสูง โดยเฉพาะพวกแป้งขัดขาว จะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ทำให้ฮอร์โมนไม่คงที่ จนเป็นสาเหตุของการเกิดสิว
  • อาหารทอดและไขมันสูง รวมถึงอาหารขยะ หรือ Junk Food ที่ผ่านการแปรรูปมาหลายขั้นตอน สามารถกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินปกติ ทำให้ผิวมันและเป็นสาเหตุของการเกิดสิวได้

รักษาสิวยังไงให้หายขาด? วิธีรักษาสิวยอดนิยม

รักษาสิวยังไงให้หายขาด? วิธีรักษาสิวยอดนิยม

ปัจจุบันมีวิธีรักษาสิวจำนวนมาก ทั้งการซื้อยามาทา การทานวิตามินเสริม หรือการเดินเข้าคลีนิค ซึ่งแต่ละวิธี ก็ล้วนแล้วแต่มีกระบวนการที่แตกต่างกันออกไป

รักษาสิวด้วยยา

ในการรักษาสิวด้วยยานั้น จำเป็นต้องได้รับการประเมินหรือการพูดคุยกับแพทย์ก่อนเพื่อความปลอดภัย ซึ่งการรักษาสิวด้วยยา มีด้วยกันอยู่ 2 รูปแบบ ได้แก่

  1. รูปแบบของการทายา: ตัวยาที่ทาจะมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ ลบรอยสิวให้จางลง และฆ่าเชื้อ C. Acnes ที่ปนอยู่ในสิว เมื่อทายาไปแล้วปริมาณเชื้อและไขมันบนผิวหนังจะลดลง แต่ก็จะผลข้างเคียงของการทายาคือ ผิวลอกบริเวณที่ทายา หรือระคายเคืองผิวในช่วงแรกที่ทา

โดยยาทาที่ใช้ในการรักษาสิวยอดนิยม มีดังนี้

  • Salicylic Acid เหมาะสำหรับสิวอุดตัน
  • Benzoyl Peroxide เหมาะสำหรับสิวอุดตัน และสิวผด
  • Tretinoin เหมาะสำหรับสิวอุดตัน และสิวที่ไม่มีหัว แต่ไม่เหมาะกับสิวอักเสบ
  • Azelaic Acid เหมาะสำหรับสิวอุดตัน และสิวอักเสบในระดับรุนแรงน้อย
  • Erythromycin เหมาะสำหรับสิวหัวช้างในระดับรุนแรงน้อย-ปานกลาง
  • Tetracycline เหมาะสำหรับสิวอักเสบแบบหัวหนองในระดับรุนแรงมาก

  1. รูปแบบของการกินยา: เป็นการกินยา เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ การติดเชื้อ หรือรักษาสิว โดยยาส่วนใหญ่ที่นิยมใช้ มีดังนี้
  • ยาปฏิชีวนะเป็นยาที่นิยมใช้ในการรักษาสิว สามารถช่วยลดการติดเชื้อและลดการอักเสบของสิวได้
  • ยากลุ่มฮอร์โมนสำหรับผู้ที่เป็นสิวจากฮอร์โมน เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้าง

ซึ่งการกินยารักษาสิวนั้นควรกินติดต่อกันเป็นระยะเวลามากกว่า 3 เดือน เพื่อให้เห็นผล แต่ว่าอาจจะมีผลข้างเคียงของการกินยา คือ มีอาการปากแห้ง ผิวแห้งแตกผมร่วง เป็นต้น

รักษาด้วยการกดสิว

หากเป็นสิวอุดตันวิธีรักษาเบื้องต้นที่เห็นผลไวคือ การกดสิวออก โดยผู้กดจะใช้เครื่องมือที่สะอาดกดลงไปที่สิวอุดตันเพื่อให้สิวหลุดออกมา ทั้งนี้ ไม่ควรกดสิวเองเพราะหากกดผิดวิธีอาจทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อได้ สำหรับผลข้างเคียงของการกดสิวคือ รู้สึกเจ็บ ผิวมีอาการแดงบวม

รักษาสิวด้วยเลเซอร์

การรักษาสิวด้วยการเลเซอร์เป็นการรักษาด้วยการใช้คลื่นแสงที่มีความเข้มข้นสูงฉายไปที่ผิวหนัง โดยเลเซอร์ที่ใช้มีหลากหลายชนิด เช่น

  • เลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ ใช้รักษาสิวอุดตัน จุดด่างดำ หลุมสิว
  • เลเซอร์วีบีม ใช้ลดรอยแดงจากสิว พร้อมทั้งช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ผิวเรียบเนียน
  • พิโคเลเซอร์ เหมาะสำหรับใช้ลดรอยดำ จุดที่หมองคล้ำ
  • เลเซอร์ในกลุ่มคิวสวิตช์ เหมาะสำหรับฝ้า กระ จุดด่างดำจากสิว

ผลข้างเคียงจากการทำเลเซอร์ คือมีอาการปวดแสบและบวมของผิว สามารถบรรเทาอาการได้ด้วยกินยาแก้ปวดและการประคบเย็น ข้อจำกัดของการเลเซอร์ คือ ผิวจะไวต่อแสง ต้องหมั่นทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง

รักษา/จัดการปัญหาสิวด้วยวิธีอื่นๆ

นอกจากการรักษาสิวที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังมีวิธีรักษา/จัดการปัญหาสิวแบบอื่นอีก เช่น

  • เจลแต้มสิว: เจลแต้มสิวช่วยเสริมการจัดการปัญหาสิวได้ตรงจุด เช่น เช่น ผลิตภัณฑ์ Anti-blemish Treatment Clearing Gel เจลแต้มสิวที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก 2% ช่วยทำให้สิวแห้งและลดปัญหาการเกิดสิวซ้ำในอนาคต
  • โทนเนอร์: การเลือกใช้โทนเนอร์ Anti-Blemish Toner + Pore Refresher ที่มีส่วนผสมอย่างซาลิไซลิค 1% ช่วยลดและป้องกันปัญหาสิวต่างๆ ลดปัญหาความมันส่วนเกิน พร้อมทำความสะอาดรูขุมขนอีกด้วย
  • แสงรักษาสิว คือ วิธีการที่นำคลื่นความยาวของแสงมาใช้รักษาสิว โดยแสงที่นิยมนำมาใช้รักษาสิวคือแสงสีแดงและสีฟ้า ซึ่งแสงสีฟ้าจะไปทำลายเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในสิว ส่วนแสงสีแดงจะลดการอักเสบของสิว แสงสีฟ้าจะไม่สามารถทะลุลงไปที่ผิวได้มากเท่ากับแสงสีแดง จึงมีการนำแสงทั้งสองมาใช้งานร่วมกัน ประกอบกับการรักษาด้วยการกินยาและการทายาร่วมด้วย
  • การกรอผิวหน้า เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตาย พร้อมกับรักษารูขุมขนที่กว้างให้ดูเล็กลง รอยหลุมสิวดูตื้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีหลุมสิวและผิวมีรูขุมขนกว้าง แต่ไม่แนะนำผู้ที่มีสิวอักเสบกรอผิวหน้าเพราะจะทำให้ผิวระคายเคือง ซึ่งจะส่งผลให้สิวอักเสบมากกว่าเดิม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิว

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับสิว

คำถามเกี่ยวกับสิวที่พบบ่อย สามารถหาคำตอบได้ดังต่อไปนี้

สิวหายเองได้ไหม จำเป็นต้องหาหมอหรือไม่

หากสิวที่เป็นอยู่ไม่ได้มีความรุนแรงมากนัก สามารถซื้อยาแต้มจากเภสัชกรร้านขายยาทั่วไปด้วยตนเองได้ แต่หากสิวมีความรุนแรงมากควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง

เป็นสิว แต่งหน้าได้ไหม

ได้ แต่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ไม่ก่อให้เกิดสิว หรือเป็นเครื่องสำอางที่เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวโดยเฉพาะ และควรล้างทำความสะอาดเครื่องสำอางออกให้หมดจด

กินช็อกโกแลตทำให้เป็นสิว จริงหรือไม่

ไม่ เพราะส่วนผสมที่ทำให้เกิดสิวคือ นมและน้ำตาล ที่ใส่ผสมกับช็อกโกแลต

ทำไมถึงเป็นสิวตอนใกล้เป็นประจำเดือน

เพราะช่วงใกล้เป็นประจำเดือนจะมีความเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนค่อนข้างมากจึงทำให้เป็นสิว

หน้ามันเป็นสิวง่ายกว่า จริงหรือไม่

จริง เพราะต่อมไขมันของคนผิวหน้ามันจะผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอุดตันของรูขุมขนได้ง่ายกว่าคนผิวหน้าปกติ

สรุป

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวมีอยู่ 2 ประการ ได้แก่ ปัจจัยภายใน เช่น ฮอร์โมน กรรมพันธุ์ และปัจจัยภายนอก เช่น สิ่งสกปรก ความเครียด อาหาร หรือเครื่องสำอางก็มีความเป็นไปได้ที่สามารถก่อให้เกิดสิว เมื่อประสบปัญหาสิวแล้วมักจะก่อให้เกิดความเครียดสะสมอันเนื่องมาจากการขาดความมั่นใจในเรื่องรูปลักษณ์ ความสวยความงาม

ดังนั้นแล้วควรปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการเกิดสิวตั้งแต่เนิ่นๆ เช่น การล้างหน้าให้สะอาด ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าและผิวกายสูตรไร้สารเคมี การไม่สัมผัสใบหน้าบ่อยๆ เป็นต้น และหากปฏิบัติแล้วยังพบปัญหาเหล่านั้นอยู่ควรศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการรักษาสิวให้สอดคล้องและเหมาะสมกับประเภทของสิวที่เป็น เพื่อเป็นการรักษาสิวได้อย่างถูกต้อง ตรงจุด และไม่ก่อให้เกิดการแพ้อื่นๆ ตามมาในภายหลัง

ที่มาข้อมูล [1] [2]

1. An Bras Dermatol. 2019. National Library of Medicine. Adult female acne: a guide to clinical practice. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6360964/. Retrieved 17 January 2023.

2. Cleveland Clinic. 2021. Hormonal Acne. https://my.clevelandclinic.org/health/diseases/21792-hormonal-acne. Retrieved 17 January 2023.