อายุ วุฒิการศึกษา เกรดเฉลี่ย สถานะทางการเงิน ครอบครัว บุคลิกภาพ เป็นองค์ประกอบที่คนทั่วไปมักจะตัดสินว่า พวกเขาควรมีอาชีพอะไร น่าจะมีวิถีชีวิตแบบไหน ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สำคัญว่าใครจะคิดหรือมองภาพลักษณ์ของพวกเขาเป็นอย่างไร เพราะหนึ่งในจุดยืนที่มั่นคงบนเส้นทางธุรกิจแอมเวย์ของคุณธนัตถ์ (จอร์ช) กิจกรพันธ์ และคุณกมลชนก (ทราย) แก้วกิตติกาญจนา ก็คือ “เมื่อโลกไม่อนุญาตให้เราแตกต่าง งั้นเราจะสำเร็จเพื่อเป็นตัวเองได้มากขึ้น”
ผมเปิดใจศึกษาธุรกิจระหว่างเรียนชั้นปีที่ 2 และคิดว่าการออกตัวก่อนเพื่อนจะเป็นแต้มต่อในชีวิต ส่วนดิฉันเปิดใจศึกษาธุรกิจช่วงทำงานรัฐวิสาหกิจเพราะทนความเหมือนเดิมของงานประจำไม่ได้ ช่วงตอนอัปไลน์มาชวนเรา เราไม่รู้จักธุรกิจแอมเวย์มาก่อน ทำให้เราเชื่อว่า คนคนหนึ่งจะเปิดใจกับธุรกิจได้ต้องเปิดใจจากคนที่ชวนก่อน ต้องไว้ใจกัน พอมาเรียนรู้ที่เซ็นเตอร์ เรารู้สึกว่าการสร้างชีวิตก็สนุกได้ ความสุขมันย้ายที่ คนอื่นอาจต้องไปเที่ยวกลางคืนถึงสนุก แต่สำหรับเรา ความสุขความสนุกคือ การอยู่ในบรรยากาศของคนวัยใกล้เคียงกันได้สร้างความสำเร็จไปด้วยกัน พวกเราไปเซ็นเตอร์อยู่เป็นหลักปี จนเกิดแรงบันดาลใจ อยากสำเร็จในชีวิตและสำเร็จในธุรกิจนี้
หลังจากเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง พวกเราเข้าใจอย่างลึกซึ้งว่า ธุรกิจแอมเวย์ตอบโจทย์ทุกมิติของชีวิต เมื่อเจอปัญหา อุปสรรค และคำปฏิเสธ พวกเราไม่เคยคิดล้มเลิก ไม่เคยเอาความคิดเห็นของคนอื่นมาตัดสินตัวเรา แม้มีช่วงชะงักในธุรกิจไปบ้าง แต่เมื่อเราหันมองอัปไลน์ที่ตั้งใจกับชีวิตเรา เห็นดาวน์-ไลน์ที่เชื่อมั่นในตัวเรา เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ ในองค์กรที่สามารถผ่านเรื่องยากลำบากมามากกว่าเราและยังลุกขึ้นมาได้ เราเลิกไม่ลงค่ะ เราอยากเดินหน้าต่อไปกับพวกเขา นอกจากนั้น พอผมคิดย้อนกลับไป ผมคิดว่ารากฐานความคิดนี้คงมาจากคุณพ่อที่เป็นหมอและเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่เลี้ยงดูลูกสามคนมาด้วยตัวเอง สิ่งที่ท่านถ่ายทอดให้ผมคือดีเอ็นเอของความมุ่งมั่นและเชื่อในตัวเอง เริ่มอะไรแล้วไม่หยุดกลางทาง ทำแล้วต้องจบครับ
ยิ่งได้เรียนรู้ว่า ธุรกิจนี้คือการเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ไม่แวะข้างทางบ่อย ผมจึงไม่ใช่คนทำงานหนัก แต่ผมมั่นใจว่าทำเนื้องานพื้นฐานอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องในทุกวัน ผมทำงานพื้นฐานโดยไม่ได้ต้องการการยอมรับจากใครมากไปกว่าการยอมรับและความเคารพในตัวเอง ส่วนเรื่องความอ่อนโยนในธุรกิจ ใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ การให้เกียรติผู้คน ผมเรียนรู้สิ่งเหล่านี้จากคุณทราย เธอเป็นคนสอนให้มองหนึ่งเหตุการณ์ในหลายแง่มุม การได้เข้าใจผู้อื่นมากขึ้นทำให้เริ่มดูแลคนในองค์กรนานพอจนถึงวันที่เขาตัดสินใจสำเร็จ เหมือนที่อัปไลน์อดทนรอคอยพวกเราได้เช่นกันครับ
ผมเชื่อเรื่องการโตทางรากมากกว่าโตทางใบครับ พวกเราเป็นต้นไม้ที่โตทางรากมาหลายปีแล้วแต่แค่ไม่ออกดอกออกผลเท่านั้นเอง ทัศนคติในการยืดหยัดอดทนรอคอยเป็นเรื่องที่สำคัญ พวกเราเอาชนะตัวเองทุกวัน แค่วันนี้โลกเพิ่งเห็นผลผลิต Good Thing Take Time. สิ่งดีๆ ต้องรอเวลาครับ
มีรอยสักที่ข้อมือขวาเป็นรูปสมองกับหัวใจอย่างละครึ่ง นี่เพื่อเตือนตัวเองว่า ทุกคนไม่ได้มีพื้นฐานเหมือนกัน การพูดแรงเกินไปไม่ทำให้เปิดใจ แต่จะทำให้บาดใจ บางเรื่องต้องใช้สมองตัดสิน แต่บางเรื่องก็ต้องใช้หัวใจตัดสิน อัปไลน์สอนว่า จงเป็นไฟเย็นที่แม้จะเป็นไฟที่ลุกโชนแต่ไม่ทำให้คนอยู่ใกล้อึดอัดหรืออยู่ไม่สบาย เราต้องดูแลให้ทุกคนอยู่นานพอจนถึงวันที่เขาตัดสินใจสำเร็จ แม้เราจะรักพวกเขามากแค่ไหน เราก็ไม่สามารถตั้งใจกับชีวิตอีกฝ่ายมากไปกว่าที่ตัวเขาจะลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเขาเอง บางครั้งเราต้องเป็นผู้นำ บางครั้งเราเป็นพี่ที่คอยประคับประคอง เพราะการเดินทางที่สนุกที่สุดคือเส้นทางที่เราไปถึงด้วยกัน
แนวคิดที่เรามั่นใจทุกครั้งก่อนที่เราจะเปิดโอกาสให้ใครสักคนเข้ามาร่วมทำธุรกิจ คือเราควรเป็นตัวของตัวเอง พูดเรื่องจริง แล้วเวลาเท่านั้นเป็นเครื่องพิสูจน์กับเขาเองค่ะ ว่าเราหวังดีกับเขาไม่ต่างจากคนในครอบครัวที่หวังดีต่อชีวิตกันและกัน เราคิดว่าบนโลกที่เทคโนโลยีก้าวกระโดด ปัจจัยความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นใหม่ตลอดเวลา ความเร็วอาจเป็นจุดได้เปรียบของบางธุรกิจ แต่ในธุรกิจนี้ เพียงเราวิ่งอย่างต่อเนื่องในลู่ของตัวเอง อาจมีได้ดังใจบ้าง ผิดหวังบ้างก็เป็นธรรมชาติของธุรกิจ เรียนรู้จากความผิดพลาด เพราะความสำเร็จมักไม่สอนอะไร แต่ความล้มเหลวต่างหากที่จะสอนเรา ถ้าวันนี้เหนื่อยก็พัก เช้าวันใหม่เราเริ่มได้อีกครั้ง ก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องจนกล้ามเนื้อนั้นทนต่อแรงกดดันได้ดีขึ้น พร้อมกับที่เราคู่ควรกับความสำเร็จมากขึ้น ฝันใหญ่ได้แต่ที่ต้องทำคือทำสิ่งเล็กๆ ในทุกวัน Think Big, Act Small เพื่อนร่วมทีมเพื่อนร่วมทางส่งเสียงเชียร์ไปมาให้กัน เป็นกำลังใจที่มีคุณค่าและมีความหมายกับเรามาก เราก็อยากยินดีกับทุกความสำเร็จของทุกคนเช่นกัน ถึงก่อนก็ไม่ใช่ว่าเก่งกว่า เพราะเส้นชัยไม่ได้จำกัดผู้ชนะ เมื่อเราอดทนรอ Good Things Take Time. เราจะถึงเส้นชัยกันทุกคน
สมัคร | พฤศจิกายน 2552 |
ระดับแพลตินัม | กรกฎาคม 2557 |
ระดับทับทิม | กรกฎาคม 2559 |
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2558 |
ระดับไพลิน | กุมภาพันธ์ 2563 |
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา | มิถุนายน 2563 |
ระดับมรกต | พฤษภาคม 2563 |
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา | มิถุนายน 2564 |
ระดับเพชร | มิถุนายน 2567 |
“ว้าวสุดๆ ไปเลย” คือประโยคที่ พญ.ชุตติมา (จี๊ด) สมรรคนี สรุปถึงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองเมื่อได้เข้าโปรแกรมดูแลสุขภาพ และนั่นคือหนึ่งในแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้คุณหมอจี๊ดอยากบอกเล่า ส่งต่อ เรื่องราวดีๆ ของธุรกิจแอมเวย์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองให้กับคนอื่น
เริ่มรู้จักสินค้าแอมเวย์จากน้องชายเมื่อ 20 ปีก่อนค่ะ ไม่ได้สนใจธุรกิจเลย แต่ชอบใช้สินค้า สมาชิกในครอบครัวก็ใช้มาอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อตัวเองมีปัญหาด้านสุขภาพเรื่องน้ำหนักเลยตัดสินใจเข้าโปรแกรม ปรากฏว่าประสบผลสำเร็จแบบที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน คือว้าวสุดๆ น้ำหนักลดไป 12 กิโลกรัม เอวลดไป 7 นิ้ว เรียกว่าเป็น Best Version ของเราเลยค่ะ พอเราประสบความสำเร็จก็อยากบอกต่อ แต่ไม่กล้าเพราะกลัวคนหาว่าไปขายของ จึงไปปรึกษา นพ.กิตติพัทธ์ ทวีปกุล นธอ.ระดับเพชร อาจารย์ถามว่าถ้าเราเห็นเพื่อนมีผักติดฟันจะบอกเขาไหม เราก็ตอบว่าบอกสิคะ แล้วตอนนี้เขามีไขมันติดพุงติดตับเต็มไปหมด เรามีวิธีแก้ให้เขา และตัวเราเองเห็นผลประจักษ์ขนาดนี้ ทำไมเราจะไม่กล้าบอก จากนั้นตัดสินใจบอกเลยค่ะ
พอเริ่มเข้ามาทำธุรกิจอย่างจริงจังก็ได้รับคำถามว่ามีความฝันไหม นี่เป็นคำถามที่เราไม่เคยถามตัวเองมาก่อนเลย จำได้ว่าวันนั้นที่ถูกถามเราอยู่กับแม่ก็หันไปมองท่าน เรารู้ว่าแม่มีความฝันที่ยังไม่บรรลุคือการไปเที่ยวรอบโลก แล้วเขาก็พยายามมาตลอดทั้งชีวิต แม่ประหยัดทุกสิ่งแต่สิ่งเดียวที่ไม่เคยประหยัดคือการพาลูกไปเที่ยวต่างประเทศ ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่ไปก็จะเป็นแบบชะโงกทัวร์ (หัวเราะ) เลยคิดว่าความฝันอับดับหนึ่งของเราคือการทำให้ความฝันของแม่ให้เป็นจริง
แผนธุรกิจก็ไม่ได้ต่างจากเดิมเพียงแต่เข้มข้นจริงจังขึ้นค่ะ สารตั้งต้นของเราไม่ใช่ไอเดียทางธุรกิจแต่คือการส่งต่อเรื่องราวของการดูแลสุขภาพ แนวทางคืออยากให้ผู้คนเริ่มต้นเปิดใจด้านการดูแลสุขภาพ เอาจริงเอาจัง ตั้งใจ ได้ผล ประทับใจ และไปต่อเนื่อง ทีนี้เราก็มาคิดว่าการที่จะมีคนมาตามเรา เชื่อเรา เราจะต้องเป็นในสิ่งที่เขาอยากเป็นก่อน เราต้องเป็นผลลัพธ์ของสิ่งนั้นให้เขาได้เห็น เพราะถ้ากระทั่งตัวเรายังทำไม่ได้จะทำให้ใครเชื่อได้ยังไง
วางเป้าหมายแรกไว้ว่า เราต้องเป็นเพชรเท่านั้นถึงจะตอบโจทย์ความฝันได้ แล้วก็พบว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไปถึงฝันนั้นคือ การเปลี่ยนแปลงตัวเอง นี่เป็นสิ่งที่ท้าทายมากค่ะ เพราะความสำเร็จไม่ใช่ปลายทาง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรับกับความสำเร็จต่อไปต่างหาก ซึ่งน่าจะเป็นปลายทางที่แท้จริง ตอนที่เราเปลี่ยนแปลงตัวเองก็มีคนถามนะคะว่า ทำไมต้องทำ เปลี่ยนจุดยืนเหรอ พอมองย้อนกลับไป ในอดีตเราอาจเป็นคนเก่งแต่เรามีชีวิตที่เลือกไม่ได้ วันนี้เราเป็นคนธรรมดาแต่เรามีชีวิตที่เลือกได้ แล้วสิ่งที่เราทำทั้งการเปลี่ยนแปลงตัวเองและงานที่เราทำอยู่ในตอนนี้ช่วยให้ใครสักคนประสบความสำเร็จ มีชีวิตที่ดี เปลี่ยนชีวิตเขาได้ สิ่งนี้ทำให้เราได้เห็นคุณค่าตัวเองในมุมที่กว้างขึ้นและไปได้ไกลมากขึ้นค่ะ
ในธุรกิจนี้เรามีทั้งตัวอย่างที่ดี ทีมที่ดี และเครื่องมือที่ดีมากๆ เหมือนมีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ ตัวเราเองก็จะต้องเป็นเมล็ดพันธุ์ที่พร้อมเติบโต ด้วยการใช้ความจริงมากกว่าความเห็น ฝึกจิตใจให้มีเมตตา รู้จักการให้ก่อนถึงจะได้รับ สิ่งที่ได้รับจากธุรกิจนี้ที่สำคัญมากคือมรดกทางความคิดค่ะ เราได้เรียนรู้เยอะมากโดยเฉพาะการมองเหรียญสองด้าน เราอาจจะเห็นด้านหนึ่งว่าไม่ดี แต่ขอให้เชื่อว่ามันมีด้านที่ดีกว่าซ่อนอยู่เสมอ พอมีสิ่งนี้เป็นพื้นฐานความคิด ทำให้เราพัฒนาตัวเองในทุกวัน เพื่อให้พร้อมรับความสำเร็จใหม่ๆ ยิ่งถ้าเราส่งต่อมรดกทางความคิดนี้ไปให้กับผู้คนได้ โลกจะดีขึ้นมากค่ะ
จะเป็นตัวจริงได้ต้องมองสามเรื่องค่ะ Vision, No Fake และ Make Team นี่เป็นคีย์เวิร์ดหลัก Vision คือดูว่าสิ่งที่เราทำอยู่ ธุรกิจที่เราทำอยู่ตอบโจทย์อนาคตมั้ย No Fake คือมันต้องเป็นเรื่องจริงค่ะ นั่นคือตัวเราต้องทำได้ก่อน ต้องเป็นผลลัพธ์ของสิ่งที่เราทำได้ก่อน ถึงจะไปบอกต่อหรือทำให้คนอื่นดีขึ้นได้ สุดท้ายคือ Make Team คือธุรกิจนี้เราทำคนเดียวไม่มีทางรอด เราทำตัวเราให้ดีขึ้นก่อน จากนั้นไปแนะนำคนอื่นให้ดีขึ้นได้ และให้เขาส่งต่อไปได้ ถ้าเราทำได้ทั้งสามข้อ ธุรกิจนี้มั่นคงยั่งยืนแน่นอนค่ะ
ไม่สำคัญเลยค่ะว่าใครจะมองเรายังไง สำคัญมากๆ คือเรามองตัวเองยังไง คนที่รู้ดีที่สุดว่าสิ่งที่เราทำนั้น Real หรือไม่ คือตัวเราเองค่ะ ธุรกิจนี้จึงเป็นธุรกิจที่เริ่มกับตัวเราเองก่อน เป็นก่อน ให้ก่อน ชอบ ใช่ เชื่อก่อน แล้วถึงจะส่งต่อได้ ไม่ต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้คนอื่นเชื่อ แต่ถามตัวเราเองก่อนว่าเราเชื่อรึยัง เราทำถูกต้องรึยัง เราอยากช่วยคนอื่นจริงมั้ย ทุกสิ่งเริ่มที่เราค่ะ ถ้าวันนี้เราอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นจริงและเราเชื่อว่าธุรกิจนี้เปลี่ยนชีวิตเราได้ ทำเถอะค่ะ ทำให้สุดแรง ในธุรกิจที่เป็นของจริงนี้ ขอแค่ตั้งใจ เราเป็นทุกอย่างที่เราอยากเป็นได้แน่นอนค่ะ
สมัคร | เมษายน 2564 |
ระดับแพลตินัม | มกราคม 2565 |
ระดับทับทิม | สิงหาคม 2565 |
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา | มิถุนายน 2565 |
ระดับไพลิน | กรกฎาคม 2565 |
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา | มิถุนายน 2566 |
ระดับมรกต | กรกฎาคม 2565 |
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา | กรกฎาคม 2567 |
ระดับเพชร | กรกฎาคม 2567 |