มาตรฐานการประกันคุณภาพ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับพฤษภาคม 2565
มาตรฐานการประกันคุณภาพ
(Quality Assurance Standard - QAS)
หากผู้มุ่งหวังคนหนึ่งสนใจทำอาชีพเสริมหรือมองหาอาชีพอิสระอยู่ ธุรกิจขายตรงก็คงยังเป็นคำตอบและโอกาสที่ดีลำดับต้นๆ สำหรับผู้มองหาธุรกิจใหม่ เพียงแต่ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยมีจำนวนมากและหลากหลาย ทั้งที่ถูกและผิดกฎหมาย ผู้มุ่งหวังย่อมต้องเลือกธุรกิจที่ดีที่สุดให้ตัวเองอย่างแน่นอน แต่อะไรคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขานำมาคัดกรองและตัดสินใจเลือกล่ะ
นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรและสูงขึ้นไปที่จัดประชุม เกิน 250 คน และต้องการผลิตหรือจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ต้องทำคำร้องมายัง “แผนกกฎระเบียบและจรรยาบรรณ” ก่อนดำเนินการ
หากแทนตัวเราเป็นผู้มุ่งหวังคนนั้น เราจะตัดสินใจจากอะไร ซึ่งถ้าคิดเร็วๆ อันดับหนึ่งคือ ผลตอบแทน อันดับที่สองคือ สินค้านั้นมีคุณภาพดีหรือไม่ อันดับที่สามคือ บริษัทนั้นเปิดมานานแค่ไหน ทั้งนี้ การมีคนทำธุรกิจนั้นๆ จำนวนมาก สามารถวิเคราะห์ได้สองประเด็นคือ หนึ่ง เราอาจไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีคนทำเต็มไปหมด สอง เข้าใจได้ว่าธุรกิจนั้นมีคุณสมบัติที่ดีตามสามอันดับข้างต้น ซึ่งผู้เขียนมั่นใจว่าบริษัทแอมเวย์มีคุณสมบัติครบทั้งสามข้อดังกล่าว แต่หากนำเพียงสามประเด็นมาเป็นตัวตัดสินก็อาจจะยังเหลือธุรกิจขายตรงอีกจำนวนหนึ่ง ประเด็นดังกล่าวนี้บริษัทได้ตระหนักและคำนึงถึงมาโดยตลอดตั้งแต่ก่อตั้งธุรกิจ จึงเกิดเป็นแนวคิดสำคัญนั่นคือ การส่งต่อธุรกิจให้กับทายาท แต่หากแนวคิดนี้ไม่มีแผนการรองรับ เรื่องนี้ก็จะเป็นเพียงคำพูดสวยหรูที่ใช้เพื่อโฆษณาเท่านั้น
เมื่อแอมเวย์ได้ตระหนักถึงบทบาทที่จะต้องปกป้องและรักษาธุรกิจเพื่อให้นักธุรกิจแอมเวย์ทุกคนสามารถส่งมอบธุรกิจ ส่งมอบแรงกายแรงใจที่ลงไปกับธุรกิจนี้ไปยังลูกหรือทายาทได้ ดังนั้น QAS หรือ Quality Assurance Standard จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อเป็นมาตรการกำหนดแนวทางให้กับตลาดของแอมเวย์ที่เปิดขึ้นในแต่ละประเทศ เป็นแนวทางปฏิบัติที่จะไม่นำธุรกิจนี้ไปพบกับความเสี่ยงในแง่กฎหมายของแต่ละประเทศ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ธุรกิจถูกร้องเรียน ถูกตรวจสอบ หรือขั้นร้ายแรงคือถูกยุติการดำเนินธุรกิจชั่วคราวเพื่อตรวจสอบ หรือถูกยุติการดำเนินธุรกิจตลอดไป เหตุผลหลักๆ คือ การโฆษณาเกินจริงและให้ข้อมูลเท็จแก่ผู้บริโภคหรือผู้มุ่งหวัง
อีกประเด็นที่สำคัญคือ การผลิตสื่อส่งเสริมธุรกิจหรือ BSM ซึ่งเป็นจุดเสี่ยงที่อาจทำให้ธุรกิจแอมเวย์มีปัญหาได้หากขาดการควบคุมและระมัดระวังที่ดี ดังนั้น ในระเบียบปฎิบัติของบริษัทแอมเวย์ ประเทศไทย จึงกำหนดให้นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรและสูงขึ้นไปที่จัดประชุมเกิน 250 คน และผลิตหรือจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ โดยนักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรและสูงขึ้นไปนั้นต้องทำคำร้องมายัง “แผนกกฎระเบียบและจรรยาบรรณ” เพื่อทำการรับรองการจัดงานหรือการจำหน่ายสื่อหรืออุปกรณ์นั้นก่อน ขั้นตอนดังกล่าวอาจดูเหมือนบริษัทเข้าไปก้าวก่ายความเป็นส่วนตัวของนักธุรกิจแต่ละองค์กร ซึ่งแอมเวย์ได้ตระหนักในประเด็นดังกล่าวนี้เช่นกัน แต่เหนือสิ่งอื่นใด การจะปกป้องธุรกิจเพื่อไม่ให้เข้าไปอยู่ในภาวะเสี่ยงและเพื่อให้ธุรกิจสามารถให้ผลตอบแทนตามเป้าหมายที่นักธุรกิจทุกท่านตั้งไว้ ก็ถือเป็นเรื่องสำคัญเช่นเดียวกัน แอมเวย์รวมทั้งแผนกกฎระเบียบและจรรยาบรรณเชื่อมั่นว่า นักธุรกิจแอมเวย์ระดับเพชรและสูงขึ้นไปจะให้ความร่วมมือและสนับสนุนในการปกป้องธุรกิจเพื่อตัวท่านเอง ดาวน์ไลน์ในองค์กร และเพื่อนนักธุรกิจแอมเวย์ทุกคน ให้ประสบความสำเร็จในธุรกิจแอมเวย์อย่างมั่นคงและยั่งยืนตลอดไป
กฎจรรยาบรรณของแอมเวย์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของการเป็นนักธุรกิจแอมเวย์ ดังนั้นทุกท่านจึงควรศึกษาและให้ความสำคัญกับกฎจรรณยาบรรณ เพราะการปฏิบัติตามกฎจะช่วยให้ธุรกิจของทุกท่านเจริญเติบโตได้อย่างมั่นคง ยั่งยืน และมีเสถียรภาพ อีกทั้งท่านยังสามารถส่งมอบธุรกิจที่มีอนาคตนี้ให้กับลูกหลานของท่าน ให้สมกับวิสัยทัศน์ของเราที่ว่า “แอมเวย์...เพื่อคุณ เพื่อชีวิตที่มีคุณค่า” นอกจากนี้ ยังเป็นการดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมและบรรยากาศในการดำเนินธุรกิจที่สอดประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอีกด้วย