ซาดาร์ เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่โบราณสถานโดย สุชาดา ประคัลภวงส์ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับกุมภาพันธ์ 2566
ซาดาร์ เมืองนี้ไม่ได้มีดีแค่โบราณสถาน
โดย สุชาดา ประคัลภวงส์
ตอนนี้หมวยมาพร้อมกับจุดหมายสุดท้ายของทริปการสัมมนาระดับผู้นำ 2023 ล่องเรือสำราญเวนิส-โครเอเชียแล้วค่ะ ถึงแม้ไม่ใช่เมืองที่ถูกยกให้เป็นมรดกโลกเหมือนเมืองอื่นๆในทริป แต่เป็นเมืองที่มีความผสมผสานระหว่างความโบราณ ความโมเดิร์น และเทคโนโลยีที่แสนทันสมัยได้อย่างน่าสนใจ ขอเชิญทุกท่านพบกับ “ซาดาร์”
ซาดาร์ (Zadar) เมืองขนาดใหญ่อันดับห้าของประเทศโครเอเชีย และยังเป็นเมืองที่มีประวัติเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอีกด้วย ว่ากันว่าที่นี่มีมนุษย์อาศัยอยู่มาตั้งแต่สมัยยุคหิน แถมพ่วงตำแหน่งเป็นเมืองท่าสำคัญในสมัยโบราณอีกต่างหาก ส่วนรูปแบบศิลปะและสถาปัตยกรรมของเมืองนี้จะคล้ายกับเมืองอื่นๆ ในภูมิภาคดัลเมเชียนที่เรารู้จักกันมาแล้ว ดังนั้นจึงมีประวัติศาสตร์ที่คล้ายคลึงคือ เริ่มจากการเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรโรมันและไปตกอยู่ใต้อาณัติของสาธารณรัฐเวนิส จึงมีสถาปนิกชาวเวนิสมาลงลายเซ็นไว้ที่ซาดาร์ ทำให้ที่นี่มีสิ่งบ่งบอกถึงการเคยเป็นเมืองในอาณัติของสาธารณรัฐเวเนเชียนอย่างชัดเจน นั่นคือ ประตูเมืองซาดาร์ (Zadar Land City Gate/ Land Gate) ซึ่งถูกสร้างขึ้นในปี 1543 มีลักษณะคล้ายซุ้มประตูชัยที่มีการสลักรูปของเซนต์ไครโซโกนุสซึ่งเป็นนักบุญองค์อุปถัมภ์ของเมืองซาดาร์ ที่สำคัญสุดคือตรงกลางประตูนี้มีรูปสลักของ The Lion of Saint Mark หรือรูปสลักสิงโตที่มีปีก และเจ้าสิงโตติดปีกนี้คือสัญลักษณ์ประจำเมืองเวเนเซียนั่นเองค่ะ
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ซาดาร์แตกต่างออกไปจากเมืองอื่นคือ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ตัวเมืองรวมทั้งโบราณสถานหลายแห่งในซาดาร์นั้นโดนระเบิดทำลายจนราบเป็นหน้ากลอง ดังนั้น ผู้บริหารเมืองยุคหลังจึงมีแนวคิดที่จะสร้างแลนด์มาร์กใหม่ๆ ให้เกิดความแตกต่าง ให้ผู้คนได้รู้จัก และมันจะสร้างสรรค์ล้ำสมัย โมเดิร์น เหมาะสมกับเป็นเมืองปิดทริปแค่ไหนนั้นตามไปดูกันเลยค่ะ
ออร์แกนแห่งมหานที (Organ of the Sea/Sea Organ) หรือออร์แกนแห่งท้องทะเล สิ่งก่อสร้างที่ถูกสร้างขึ้นริมทะเลที่เมืองซาดาร์ การันตีด้วยรางวัล European Prize for Urban Public Space เมื่อปี 2006 สิ่งก่อสร้างนี้มีลักษณะคล้ายกำแพงซีเมนต์กันคลื่นขนาดใหญ่ แต่ภายในถูกออกแบบให้มีท่อรับคลื่นลมและเปลี่ยนให้เป็นเสียงในหลักการทำงานเดียวกันกับเครื่องดนตรีออร์แกน โดยเสียงเพลงและท่วงทำนองก็จะแตกต่างไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน แล้วแต่ว่าคลื่นลมจะพัดเข้าไปที่ส่วนช่องใด เบาหรือแรงแค่ไหน เรียกได้ว่าเป็นท่วงทำนองแห่งมหานทีที่ไพเราะแปลกหูไม่เหมือนใคร จะเป็นอย่างไรต้องไปฟังด้วยตัวเองค่ะ
 |
| อนุสาวรีย์ตะวันนา (Monument to the Sun/The Greeting to the Sun) สิ่งก่อสร้างนี้คือการนำเอาแผงโซลาร์เซลล์ขนาดใหญ่มาจัดเรียงกันเป็นวงกลมขนาดมหึมา ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 22 เมตร ช่วงกลางวันก็จะทำหน้าที่รับพลังงานแสงอาทิตย์ไปกักเก็บไว้ และพอพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ยักษ์นี้ก็จะปล่อยพลังงานออกมาเป็นแสงไฟสีสันสวยงามและคลอไปกับเสียงออร์แกนแห่งท้องทะเล เพราะตั้งอยู่ใกล้กับ Sea Organ เลย แถมสถานที่ทั้งสองแห่งนี้ถูกออกแบบโดยสถาปนิกคนเดียวกันคือ นิโคลา บาซิส สถาปนิกชื่อก้องระดับเทพของโครเอเชีย เรียกได้ว่าเป็นการแสดงทั้งแสงและเสียงในที่ที่เดียวกัน รอระเบิดแสงสีเสียงวิบวับสร้างความประทับใจ เป็นหน้าเป็นตาที่สุด ผู้มาเยี่ยมชมเมืองไม่ควรพลาดความโมเดิร์นของเมืองซาดาร์กันนะคะ |
สำหรับทริปล่องเรือสำราญเวนิส-โครเอเชียนี้ บอกเลยว่าจัดหนักจัดเต็มทั้งความสวยงามของทะเลเอเดรียติกและคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของเมืองท่าในภูมิภาคดัลเมเชียนที่รายเรียงกันตลอดแนวชายฝั่ง ที่รอนักเดินทางมืออาชีพอย่างชาวแอมเวย์มาเยือน ส่วนเรือลำที่จะเป็นพาหนะหลักในการเดินทางนี้จะมีความพิเศษอะไรบ้าง พบกันในฉบับหน้า โปรดติดตามนะคะ
หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
