สปลิท เมืองโบราณที่ร่วมสมัย โดย สุชาดา ประคัลภวงส์ | นิตยสารอะชีฟ ฉบับตุลาคม 2565
สปลิท เมืองโบราณที่ร่วมสมัย โดย สุชาดา ประคัลภวงส์
หลังจากที่พานักเดินทางทุกท่านไปเช็กอินเมืองแห่งสายน้ำที่สุดแสนโรแมนติกอย่างเมืองเวนิส ประเทศอิตาลีเป็นที่แรกแล้ว ในทริปสัมมนาระดับผู้นำประจำปี 2023 ล่องเรือสำราญเวนิส-โครเอเชีย วันนี้หมวยจิ๊บพร้อมแล้วค่ะที่จะแนะนำ “เมืองโบราณที่ร่วมสมัย” และยังเป็นเมืองมรดกโลกลำดับที่สองของทริปนี้ที่เราจะไปเก็บแต้มการเดินทางกัน ถ้าพร้อมแล้วตามมาเลยค่ะ
สปลิท (Split) เป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศโครเอเชีย รองจาก ซาเกร็บ เมืองหลวงของประเทศ เมืองนี้มีชายฝั่งติดทะเลที่ใหญ่ที่สุดของโครเอเชียเลยค่ะ และยูเนสโกยังประกาศให้ที่นี่เป็นมรดกโลกด้วย เพราะเมืองสปลิทถือว่ามีความเก่าแก่มาก มีบทบาททางประวัติศาสตร์ที่สำคัญและยังเคยถูกยกเป็นเมืองใหญ่ในสมัยจักรวรรดิโรมันตะวันออกหรือไบแซนไทน์ แม้ผ่านไปนานแค่ไหน แต่สถาปัตยกรรมในเมืองนี้ยังสามารถรักษาสภาพโครงสร้างไว้ได้ถึงปัจจุบัน จนได้รับการยกย่องให้เป็นซากเมืองเก่าปรักหักพังของโรมันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปตะวันออกเฉียงใต้ (The Greatest Roman Ruin in Southeastern Europe) และพระราชวังที่อนุรักษ์ไว้ได้ดีที่สุดในโลก (The Best Preserved Classical Imperial Palace in the World)
สถานที่ท่องเที่ยวอันเก่าแก่ที่เป็นสุดยอดไฮไลต์นั่นก็คือ พระราชวังไดโอคลีเชียน (Diocletian's Palace) ซึ่งไดโอคลีเชียนคือจักรพรรดิโรมันที่ถือว่าเป็นจักรพรรดิพระองค์แรกที่ไต่เต้ามาจากสามัญชน แล้วยังสละพระราชสมบัติและลงจากตำแหน่งจักรพรรดิด้วยความสมัครใจ พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 4 เพื่อที่พระองค์จะมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่ และเมื่อสวรรคตในปีคริสตศักราช 311 สุสานของพระองค์ก็ถูกสร้างขึ้นในโซนพระราชวังนั่นเอง เมื่อเวลาผ่านไปและศาสนาคริสต์ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย วิหารเทพต่างๆ ของที่นี่จึงถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ประกอบกิจทางศาสนาคริสต์ สุสานของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนถูกดัดแปลงและก่อสร้างโบสถ์คริสต์ครอบลงไป โดยการดำเนินการของบิชอปคนแรกของเมืองสปลิท กลายเป็น มหาวิหารแห่งนักบุญดอมนิอุส (Cathedral of Saint Domnius) หรือบางทีก็เรียกว่า มหาวิหารแห่งสปลิท มีจุดสังเกตที่โดดเด่นมากคือ หอระฆังสูง ซึ่งได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองสปลิท และมหาวิหารนี้ก็ถือว่าเป็นโบสถ์คาทอลิกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วยนะคะ
หากสังเกตรอบๆ มหาวิหารนี้จะเห็นรูปปั้นสิงโตหน้าคนคล้ายกับสฟิงซ์ของอียิปต์ ซึ่งเรารู้กันดีว่าสฟิงซ์มีหน้าที่พิทักษ์สถานที่ ดังนั้น สฟิงซ์ที่ทำจากหินแกรนิตสีดำจำนวนสิบสองตัวจึงถูกขนใส่เรือจากอียิปต์มาประดับที่นี่ เมื่อสืบประวัติไปแล้วพบว่า สฟิงซ์กลุ่มนี้มีอายุกว่าสามพันปีซึ่งเก่าแก่กว่าเมืองสปลิทไปอี๊กกก ลองคิดดูสิคะ สฟิงซ์ ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นพันๆ กิโลเมตรเพื่อมาเฝ้าพระราชวังของจักรพรรดิไดโอคลีเชียนอยู่ตรงนี้มาตั้งแต่สมัยองค์จักรพรรดิยังทรงพระชนม์อยู่ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคแต่ละสมัย ได้พบกับผู้คนนับล้านที่ไปเยี่ยมชม และแน่นอนว่าในอนาคต สฟิงซ์ก็จะได้พบพวกเราผู้นำแอมเวย์อย่างแน่นอน
ถ้าเราเดินรอบๆ เมืองสปลิทก็จะเห็นว่า แผนผังสถาปัตยกรรมของพระราชวังมีความคล้ายป้อมปราการขนาดใหญ่มากกว่า เพราะกินพื้นที่ไปกว่าครึ่งหนึ่งของโซนเมืองเก่าในปัจจุบัน ซึ่งบริเวณนี้ได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวและการค้าที่ได้รับความนิยมมาก มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ร้านค้าและพิพิธภัณฑ์ เรียกได้ว่าอดีตและปัจจุบันสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืนจนเป็นเสน่ห์ของเมืองไปเลย ความโบราณที่ร่วมสมัยแห่งนี้รอทุกท่านไปเยี่ยมชมด้วยตัวเองนะคะ ส่วนฉบับหน้าจะไปเที่ยวไหนบ้าง เตรียมตัวให้พร้อมแล้วรอติดตามตอนต่อไปค่ะ
หมายเหตุ: ภาพบรรยากาศเป็นเพียงภาพประกอบเพื่อการประชาสัมพันธ์เท่านั้น บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลการท่องเที่ยวตามสถานการณ์เพื่อความเหมาะสม การจัดรายการหรือกิจกรรมส่งเสริมการขายทุกกรณี ไม่ใช่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจแอมเวย์ ฉะนั้น การพิจารณารางวัลสำหรับกิจกรรมส่งเสริมการขายอยู่ในดุลพินิจของบริษัท ผู้ที่จะได้รับรางวัลในกิจกรรมส่งเสริมการขายแต่ละกิจกรรม จะต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามเงื่อนไข จรรยาบรรณ และระเบียบปฏิบัติของบริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด เท่านั้น
