ดร.พญ.พลินี รัตนศิริวิไลแพทย์ผิวหนังและความงาม | ผิวที่สดใส นุ่มเด้ง ไร้ริ้วรอยเหมือนแก้มของเด็กทารกเป็นผิวที่น่าปรารถนาของคนทั่วไป แต่เมื่ออายุของผิวที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าด้วยปัจจัยการโดนทำร้ายจากแสงแแดด มลภาวะ ความเครียด หรือแม้แต่วัยที่เพิ่มขึ้น มักทิ้งร่องรอยของกาลเวลาและการถูกทำร้ายไว้ เช่น ความหมองคล้ำ ฝ้าและกระที่ค่อยๆ เข้มขึ้น ริ้วรอยเหี่ยวย่นและสภาพผิวที่แห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น |
โดยพบว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระซึ่งเป็นสาเหตุของความแก่ เสื่อมโทรมของผิวหน้ามากถึง 80% คือ รังสียูวีจากแสงแดดนั่นเอง |
โดยรังสี UVB ทำร้ายผิวชั้นบนทำให้ผิวแสบแดง ลอกไหม้ หมองคล้ำ ส่วนรังสี UVA ซึ่งสามารถทะลุลงสู่ผิวชั้นหนังแท้ ทำร้ายคอลลาเจนในผิวให้บางลง ผิวเหี่ยวย่นเกิดริ้วรอย และเป็นตัวการหลักของ Photoaging หรือผิวแก่จากแสงแดด ทั้งรังสี UVA และ UVB ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของรหัสพันธุกรรม (DNA Damage) หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสำคัญคือ การเกิดโครงสร้างที่มีชื่อว่า Cyclobutane Pyrimidine Dimers (CPD) ในอดีตเชื่อว่า CPD ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของผิวโดนทำร้ายจากยูวีนั้นเกิดขึ้นทันทีในขณะที่เซลล์โดนฉายด้วยรังสียูวีเท่านั้น แต่ล่าสุดมีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเยล ประเทศสหรัฐอเมริกา ยืนยันว่า CPD เกิดขึ้นต่อเนื่องแม้หลังโดนรังสียูวีไปแล้ว เรียกว่า “Dark CPD” แสดงให้เห็นว่าผิวหนังถูกทำร้ายได้ทั้งกลางวันขณะโดนแสง และกลางคืนหลังจากที่โดนแสงแดดไปแล้ว
ในเวลากลางวันควรเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วงระหว่าง 10 โมงเช้าถึง 4 โมงเย็น หากเลี่ยงไม่ได้ ควรใส่หมวก กางร่ม ใส่เสื้อผ้าที่ช่วยกันรังสียูวี และทาครีมกันแดดที่เหมาะสม
ในเวลากลางคืนควรทามอยซ์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) เพื่อหยุดการทำร้ายผิวต่อเนื่องจากแสงแดดในเวลากลางวัน และมีส่วนผสมที่เพิ่มความชุ่มชื้น ลดอาการระคายเคือง ฟื้นฟูผิวหลังจากโดนแสงแดดไปแล้ว
คือสามารถปกป้องผิวจากทั้งรังสี UVA ตัวการของผิวแก่ ผิวหมองคล้ำ มะเร็งผิวหนัง และรังสี UVB สาเหตุการแสบแดงไหม้ของผิว นอกจากนี้ควรปกป้องบลูไลท์ (Blue Light) ที่มาจากแสงอาทิตย์และจากหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุของความหมองคล้ำ รอยดำ ทำให้ผิวแลดูแก่ก่อนวัย
ส่วนประกอบของครีมกันแดดที่สะท้อนบลูไลท์ได้ เช่น Zinc Oxide ที่มีอนุภาคขนาดใหญ่ หรือเลือกครีมกันแดดที่มีลูทีน (Lutein) สารต้านอนุมูลอิสระที่ดูดซับบลูไลท์และยังทำหน้าที่ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในผิวได้อย่างดี
ข้อดีนอกเหนือจาก “กันผิวแก่ แก้ผิวถูกทำร้าย” แล้ว ครีมกันแดดที่ดียังช่วยปกป้องผิวจากรอยดำที่เกิดจากเหตุอื่น เช่น รอยดำหลังจากการอักเสบของผิวหรือหลังการเกิดสิว ตลอดจนช่วยให้รอยดำจากแผลเป็นจางลงเร็วอีกด้วย
มีงานวิจัยโดย Yim และคณะทีมงาน R&D Amway ได้ตีพิมพ์ในวารสาร Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology ปี 2019 ค้นพบว่า สารสกัดจากดอกคริสแซนธิมัมร่วมกับอนุพันธ์ของวิตามินซี มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจากแสงยูวีในเซลล์ผิวหนังได้อย่างดี ที่สำคัญพบว่า สารสกัดนี้สามารถลดจำนวน Dark CPD ที่เกิดต่อเนื่องแม้หลังการโดนแสงแดด อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการสร้างเม็ดสีที่เกิดจากการทำร้ายโดยแสงยูวีในระหว่างวัน ช่วยฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจากแสงแดดและป้องกันผิวหมองคล้ำได้อีกด้วย
ผิวที่ถูกแสงแดดและมลภาวะทำร้ายมักมีอาการระคายเคืองและแห้งกร้านขาดความชุ่มชื้น อีกตัวช่วยสำคัญในการชะลอความเสื่อมของผิวคือ การเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นและลดการอักเสบระคายเคืองได้ สารสกัดจากใบบัวบก (Centella Asiatica) หรือ Cica มีสารออกฤทธิ์คือ Triterpenoids การศึกษาวิจัยในเกาหลีพบว่า เมื่อบ่ม Cica ในน้ำทะลลาวาอันอุดมด้วยแร่ธาตุจากเกาะเชจูทำให้ได้สารสกัด Fermentia Cica พบว่ามีสารออกฤทธิ์ Triterpenoids สูงขึ้นกว่าเดิม มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบในผิวยิ่งขึ้น และยังทำให้เซลล์มีการผลิต ไฮยารูโลนิก แอซิด เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ตอนกลางวัน เลือกครีมกันแดดที่ปกป้องได้ทั้งรังสี UVA และ UVB โดยมีค่า PA+++ ขึ้นไป และค่า SPF 30 ขึ้นไป มีสารสะท้อนหรือ กรองบลูไลท์ เช่น Zinc Oxide หรือ Lutein | ตอนกลางคืน บู๊สท์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์ฟื้นบำรุง ที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดการอักเสบ ระคายเคือง และฟื้นฟูความเสียหาย ของผิวหลังสัมผัสรังสียูวี |
โดยทั้งครีมกันแดดและมอยซ์เจอไรเซอร์ควรมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น Chrys+AA2G ที่มีงานวิจัยรับรองว่าลด Dark CPD ป้องกันการทำร้ายผิวต่อเนื่องแม้ในเวลากลางคืน หลังจากโดนแดดแล้ว เพียงเท่านี้ผิวอ่อนเยาว์ที่ทุกคนปรารถนาก็จะอยู่กับเราไปอีกนาน