ปากแห้ง ปากลอก เป็นอาการที่พบได้บ่อย สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น การดื่มน้ำน้อย ไม่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน การนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ การอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อน หรืออากาศแห้งเป็นเวลานานๆ แต่ทว่าก็ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ทำให้เกิดอาการปากแห้งได้เช่นเดียวกัน
หนึ่งในสาเหตุของอาการปากแห้งที่พบได้บ่อย คือการดื่มน้ำไม่เพียงพอนั้น เมื่อร่างกายขาดน้ำ ย่อมส่งผลให้ผิวพรรณทุกส่วนในร่างกายแห้งตามไปด้วย บวกกับผิวบริเวณริมฝีปากนั้นมีความบาง และไม่มีต่อมไขมัน จึงไม่สามารถผลิตมอยส์เจอไรเซอร์เองได้ ทำให้บริเวณริมฝีปากเกิดอาการแตก แห้งลอกได้ง่าย แต่สาเหตุการขาดน้ำ ก็สามารถมาจากปัจจัยอื่นๆ ได้เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น ภาวะขาดน้ำที่เกิดจากการเจ็บป่วย เป็นไข้ อาเจียน ท้องเสีย หรือเสียเหงื่อมาก เป็นต้น
การใช้ยาบางชนิดอาจมีความเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการปากแห้งได้ เช่น วิตามิน A (Vitamin A) ยาลิเทียม (Lithium) ที่ใช้รักษาผู้ป่วยไบโพลาร์ (Bipolar Disorder), เรตินอล (Retinoids) เช่น Retin-A หรือ Differin รวมไปถึงยาที่ใช้ในเคมีบำบัด (Chemotherapy drugs)
เมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น ก็เพิ่มโอกาสเกิดปากแห้งได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เนื่องจากผิวอันบอบบางบริเวณริมฝีปากนั้น ไม่สามารถผลิตน้ำมันตามธรรมชาติได้ รวมทั้งความชุ่มชื้นก็น้อยกว่าผิวบริเวณอื่นๆ เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็ไม่สามารถผลิตมอยส์เจอไรเซอร์ได้เหมือนแต่ก่อน ทำให้ริมฝีปากยิ่งเสี่ยงต่อการแห้ง แตก ลอก ได้นั่นเอง
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดปากแห้งลอก ผู้อ่านอาจสังเกตได้ว่า ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำมักจะมีริมฝีปากคล้ำ ริมฝีปากแห้งตลอดเวลา นั่นก็เป็นเพราะว่า บุหรี่ทำให้สุขภาพผิวบริเวณริมฝีปากแย่ลง และเร่งกระบวนการที่ทำให้ผิวแก่ตัวเร็วยิ่งขึ้น เนื่องด้วยบุหรี่ประกอบไปด้วยสารเคมีหลายชนิด อย่างเช่น นิโคติน (Nicotine) ที่ทำให้เส้นเลือดหดตัว ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต ทำให้ริมฝีปากหมองคล้ำ และด้วยสารเคมีกว่า 4,000 ตัวในบุหรี่หนึ่งมวน ร่วมกับความร้อนจากการสูบบุหรี่อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้คอลลาเจน และความยืดหยุ่นของริมฝีปากถูกทำลายไป
เมื่อเกิดอาการปากแห้ง หลายๆ คนแก้ไขด้วยวิธีการเลียริมฝีปากบ่อยๆ เพื่อคืนความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก แต่ทว่าวิธีดังกล่าวไม่สามารถช่วยให้ริมฝีปากหายแห้งได้ แต่กลับทำให้ริมฝีปากแห้งมากไปกว่าเดิม นั่นก็เป็นเพราะว่า ในน้ำลายของคนเรามีเอนไซม์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร เป็นตัวการลดความชุ่มชื้นจากริมฝีปาก ทำให้ริมฝีปากง่ายต่อการระคายเคือง นำไปสู่ปากแห้งแตกมากกว่าเดิมได้
แสงแดดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ไม่เพียงแต่ทำลายผิวหน้า และผิวกาย แต่ยังทำลายริมฝีปากได้ด้วยเช่นกัน หลายคนอาจใส่ใจป้องกันผิวกายจากแสงแดด แต่กลับมองข้ามการดูแล ป้องกันริมฝีปากจากแสงแดด จึงทำให้ผิวบริเวณริมฝีปากเกิดอาการแห้ง ดำคล้ำ อันเนื่องมาจากรังสี UV ในแสงแดด หากริมฝีปากสัมผัสกับแสงแดดบ่อย และเป็นเวลานาน อาจพัฒนากลายเป็นโรคที่เรียกว่า Actinic Cheilitis ได้ ซึ่งทำให้ปากแห้ง คล้ำ แตก ลอก และอักเสบ
ช่วงหน้าหนาวอาจจะสังเกตได้ว่า ตนเองมีริมฝีปากที่แห้ง แตก ลอก นั่นก็เป็นเพราะว่าสภาพอากาศมีผลโดยตรงต่อการเกิดริมฝีปากแห้ง ในช่วงอากาศหนาว สภาพอากาศจะแห้ง และเย็น ทำให้ริมฝีปากแห้งตึง ลอก และมีเลือดซิบได้
ภาวะขาดวิตามินทำให้เกิดปากแห้งลอกได้ โดยวิตามินที่มีผลต่ออาการปากแห้ง เช่น วิตามินบี (Vitamin B) วิตามินซี (Vitamin C) เหล็ก (Iron) และซิงค์ (Zinc) ซึ่งวิตามินเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยซ่อมแซมเซลล์และเนื้อเยื่อ ต้านอนุมูลอิสระ ลดอาการอักเสบ เป็นต้น
ลิปบาล์มที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือมีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้สามารถทำให้เกิดปากแห้งได้ การใช้ลิปบาล์มที่ไม่ได้มาตรฐานทำให้เราไม่สามารถระบุได้ว่าลิปบาล์มนั้นมีส่วนประกอบอะไรบ้างที่เป็นอันตราย เมื่อใช้แล้วจึงทำให้เกิดอาการแพ้ ริมฝีปากแตก ลอก และเกิดการอักเสบได้ แต่อย่างไรก็ตาม ลิปบาล์มที่มีมาตรฐานบางตัวอาจมีส่วนผสมบางอย่างที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ปากแห้งลอกมากขึ้นในรายบุคคลได้เช่นเดียวกัน ใครที่แพ้ง่าย ต้องเพิ่มความระมัดระวัง อ่านส่วนผสม และทำ patch test ก่อนการใช้งานทุกครั้ง
การดูแลรักษาปากแห้งอย่างถูกวิธี จะช่วยคืนความนุ่ม ชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากได้อย่างยั่งยืน และมีประสิทธิภาพ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวริมฝีปาก มาดูกันว่ามีวิธีอะไรบ้างที่ช่วยป้องกันไม่ให้ปากแห้งลอก แก้ไขปัญหาปากแห้งตลอดเวลาให้หายไป และทวงคืนริมฝีปากนุ่ม ชุ่มชื้นได้แบบง่ายๆ
เคยไหมยิ่งปากแห้ง ก็ยิ่งทาลิปบาล์ม แต่ท้ายสุดแล้วกลับไม่ได้ทำให้ปากชุ่มชื้นมากขึ้น แต่กลับทำให้ปากแห้งมากยิ่งกว่าเดิม นั่นก็เป็นเพราะส่วนผสมบางอย่างในลิปบาล์มนั้นไม่ได้ช่วยแก้ไขปัญหาริมฝีปากแห้งได้จริงๆ เช่น มีน้ำหอม มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดความสดชื่นเมื่อทา เช่น มินต์ ยูคาลิปตัส เมนทอล เป็นต้น ดังนั้น การเลือกใช้ลิปบาล์มที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติที่มีประโยชน์ และมีส่วนช่วยบำรุงริมฝีปาก จึงช่วยลดความเสี่ยงของอาการแพ้จากส่วนผสมที่ไม่จำเป็นลงได้
ส่วนผสมที่ควรมองหาในลิปบาล์ม เช่น น้ำมันเมล็ดเชียขาวที่มีโอเมก้า 3 และกรดไขมัน 6 ชนิด เติมอาหารให้ผิวแข็งแรง ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นใต้ผิว เนื้อบาล์มทำให้ริมฝีปากนุ่ม แลดูอวบอิ่ม และเซราไมด์จากน้ำมันมะกอก ช่วยเสริมเกราะปกป้องความชุ่มชื้นไว้กับผิว
การมองหาผลิตภัณฑ์ที่มี clean label จะช่วยลดสาเหตุของการแพ้ระคายเคืองได้ เพราะผ่านทดสอบการแพ้โดยแพทย์ผิวหนัง และพัฒนาสูตรโดยปราศจาก:
นอกจากผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติแล้ว ในปัจจุบันยังมีลิปบาล์มทางเลือกสำหรับกลุ่มวีแกนที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมมังสวิรัติ ปราศจากส่วนผสมที่มาจากสัตว์ และไม่ทำการทดลองในสัตว์ด้วยเช่นกัน
เมื่อร่างกายขาดน้ำ ริมฝีปากย่อมขาดความชุ่มชื้นได้ง่าย เพราะร่างกายจะดึงน้ำที่มีในร่างกาย เพื่อมาหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ ที่จำเป็นกว่า ทำให้ผิวพรรณ และริมฝีปากแห้ง ลอกเป็นขุย การดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวันจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้ใหญ่ ควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้วต่อวัน ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับ เพศ อายุ และกิจกรรมในแต่ละวันด้วย
วิธีแก้ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุย สามารถจัดการได้ด้วยการสครับปาก เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป เผยผิวใหม่ที่เนียนนุ่มกว่าเดิม นอกจากนี้ การสครับปากยังช่วยให้การบำรุงริมฝีปากด้วยลิปบาล์มได้ผลที่ดีขึ้นอีกด้วย วิธีการสครับปากก็สามารถทำได้ง่ายๆ จากวัตถุดิบใกล้ตัว เช่น น้ำตาลทรายแดง กากกาแฟ และวัตถุดิบที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก เช่น น้ำผึ้ง น้ำมันมะกอก และน้ำมันมะพร้าว
สำหรับการสครับปากที่ถูกต้อง คือ ต้องมั่นใจว่าอุปกรณ์ และวัตถุดิบที่ใช้สะอาด สครับด้วยความเบามือ และตามด้วยการเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากหลังสครับทันที โดยอาจทาลิปบาล์ม หรือ ลิปมาส์ก และแม้ว่าการสครับปากจะช่วยคืนความนุ่มให้กับริมฝีปากได้ดี แต่ควรสครับแค่ 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ก็เพียงพอแล้ว
การเลียริมฝีปาก จะทำในเอนไซม์ที่อยู่ในน้ำลายไปสัมผัสกับผิวอันบอบบางบริเวณริมฝีปากได้ หากมีอาการปากแห้งลอก ไม่ควรเลียปากเด็ดขาด เพราะจะทำให้ปากแห้ง และคล้ำขึ้นมากกว่าเดิม แต่ควรใช้ลิปมันเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากอย่างสม่ำเสมอ
เมื่อปากแห้ง ผิวบริเวณนั้นก็จะมีการแตกลอก หรือเป็นขุย ทำให้บางครั้งอดไ่ม่ได้ที่จะกัดปาก หรือเอามือไปถูริมฝีปากเพื่อที่จะให้อาการปากลอกนั้นหายไป แต่วิธีนี้จะทำให้ริมฝีปากถูกรบกวน เกิดการระคายเคือง และอาการแย่กว่าเดิมได้ ควรแก้ด้วยการบำรุงริมฝีปากเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นดีกว่า
เมื่ออากาศแห้ง โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาว จึงทำให้ผิวแห้งตามไปด้วย นอกจากการดื่มน้ำที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแล้ว การใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้ผิว และริมฝีปากคงความชุ่มชื้นไว้ได้
การสูบบุหรี่ทำให้ปากแห้ง ปากดำ มีริ้วรอย เนื่องจากสารเคมีจำนวนมากมายที่เป็นองค์ประกอบอยู่ในบุหรี่หนึ่งมวน รวมไปถึงความร้อนจากการสูบบุหรี่ หากหยุดสูบบุหรี่ ผิวริมฝีปากที่แห้งก็จะค่อยๆ สมานตัว กลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม
ปากแห้ง คือ ปากที่มีลักษณะแห้ง ขาดความชุ่มชื้น มีการแตก ลอก เมื่อสัมผัสแล้วเกิดความหยาบกระด้าง ปากแห้งเกิดจากการขาดน้ำ ขาดวิตามิน การใช้ยาบางชนิด การเลียริมฝีปาก การสูบบุหรี่ อายุที่มากขึ้น สภาพอากาศ และแสงแดด สามารถดูแลรักษา และป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และการบำรุงริมฝีปากให้ถูกต้อง เช่น ดื่มน้ำให้เพียงพอ สครับปาก งดสูบบุหรี่ และบำรุงริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเพื่อเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้น เพียงเท่านี้ ก็สามารถเรียกคืนความอ่อนนุ่ม ให้ปากกลับมามีสุขภาพดี น่าจุ๊บดังเดิม