เท้าแห้งแตก เป็นปัญหาที่พบได้เมื่ออายุมากขึ้น ทั้งพรากความมั่นใจและทำให้เท้าเราเสียสุขภาพ สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อรักษาเท้านุ่มสวยให้อยู่กับเราไปนานๆ
เท้าแห้งแตก คือ อาการที่ผิวหนังชั้นกำพร้าบริเวณส้นเท้าเกิดรอยแตก และแยกออกมาเป็นแผ่น ซึ่งหากทิ้งไว้นานขึ้น และไม่รีบทำการรักษา อาจทำให้เกิดการกดทับและเสียดสีบ่อยมากขึ้น ส่งผลให้มีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้น เกิดแผลแตกลึกไปจนถึงชั้นหนังแท้ อาจมีเลือดซึมออกมา หรือเกิดอาการเจ็บปวด และมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้1
อาการเท้าแห้งแตกเกิดจากหลากหลายสาเหตุ ทั้งสาเหตุที่มาจากพฤติกรรมส่วนตัว และปัจจัยภายนอก ดังนี้
ยังมีความเข้าใจผิดกันอยู่มาก ว่าการขัดเท้าจะช่วยให้เท้านุ่มมากขึ้น เพราะการขัดเท้าที่บ่อยเกินไปอาจทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวบริเวณเท้านั้นแห้งและหยาบกระด้างมากขึ้นไปอีก ดังนั้นจึงควรขัดเท้าแต่พอดี ไม่ขัดมากจนทำให้ส้นเท้าแตกได้
การสัมผัสสารเคมีมากเกินไป จะทำให้ผิวเกิดอาการระคายเคือง แพ้ แห้ง และขาดความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เท้าแห้งแตกได้ จึงควรเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี เพราะนอกจากจะทำให้เท้าแห้งแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย
การอาบน้ำอุ่นอาจทำให้รู้สึกสบายในฤดูหนาว แต่การอาบน้ำอุ่นเป็นเวลานานๆ ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่าย ส่งผลให้ผิวแห้ง แตก ลอกเป็นขุย และเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เท้าแห้งแตกได้
การดื่มน้ำน้อยทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ ส่งผลทำให้ผิวแห้ง ร่างกายขาดความชุ่มชื้น ส่งผลต่อทุกๆ ส่วนรวมไปถึงส้นเท้าด้วยเช่นกัน
หากขาดการบำรุงเท้าด้วยครีมบำรุงเท้าอย่างสม่ำเสมอ อาจทำให้เท้าขาดความชุ่มชื้น เมื่อเกิดการเสียดสีขณะใส่รองเท้า หรือลงน้ำหนักบริเวณเท้า อาจทำให้ฝ่าเท้าแห้งแตกได้
สภาพอากาศที่แห้ง หรือหนาวเย็นมากจนเกินไป ส่งผลให้อากาศบริเวณนั้นๆ ขาดความชื้น อาจส่งผลทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นไปด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เท้าแห้งได้
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ผู้ที่มีภาวะอ้วน จะเพิ่มแรงกดบนฝ่าเท้า หรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวานเส้นประสาทบริเวณเท้าจะเสียหายจากปริมาณน้ำตาลที่สูงเกินไป จึงทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าแห้งแตกได้3
แนวทางการป้องกันปัญหาเท้าแห้งแตก คือการเร่งผลัดเซลล์ผิว ร่วมกับการเพิ่มความชุ่มชื้น และเพิ่มเกราะป้องกันผิว โดยสามารถป้องกันได้ 5 วิธี ดังนี้
ควรดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย โดยปริมาณทั่วไปที่ควรดื่มคือประมาณ 1.5 ลิตรต่อวัน เพราะนอกจากจะทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้นแล้ว ยังช่วยลดโอกาสในการเกิดเท้าแห้งแตกได้
ควรอาบน้ำที่มีอุณหภูมิปกติ ไม่ร้อนมากจนเกินไป หรือเย็นจนเกินไป และในช่วงที่มีอากาศหนาวจัด หรือแห้งมาก ไม่ควรอาบน้ำเกินวันละ 1 ครั้ง เพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเท้าแห้งได้
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ เช่น สบู่ หรือครีมอาบน้ำที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันอาการแพ้ และระคายเคืองต่อผิว ส่งผลให้เท้ามีความชุ่มชื้น ไม่แห้งแตกมากจนเกินไป
ผิวเท้าแห้งแตก มีลักษณะแห้งและแข็ง มักหลุดลอกออกมาเมื่อได้รับแรงกด หรือโดนเสียดสี ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลอักเสบได้
การสครับเท้า จะช่วยให้ผิวที่แห้งแตกหลุดออก ลดการเกิดความหนาตัวผิดปกติของผิวหนัง1 ทำให้ได้ผิวเท้าที่นุ่มเนียนขึ้น
โดยปกติควรสครับเท้า 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ แต่ถ้าหากใช้สครับที่มีความอ่อนโยน สามารถสครับได้ทุกวัน เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Plant-Based และมีส่วนผสมของเม็ดสครับขัดผิวจากธรรมชาติ ซึ่งช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเซลล์ผิวที่ตาย และส่วนผสมอื่นๆ จากธรรมชาติ ได้แก่ โดยคุณสมบัติของส่วนผสมมีดังนี้
วิธีการสครับเท้า มีดังนี้
ควรทาครีมบำรุงเท้าเป็นประจำทุกวัน โดยเลือกครีมบำรุงเท้าที่มีส่วนผสมที่ช่วยในการรักษาอาการเท้าแตก และช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เช่น สารดูดซับความชุ่มชื้นให้ผิว มอยเจอไรเซอร์ ยูเรีย และน้ำมันจากธรรมชาติ เป็นต้น
ในปัจจุบัน ทางเลือกสำหรับการบำรุงเท้าแห้งแตกได้มีมากยิ่งขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์ทางเลือกสำหรับกลุ่มวีแกน ที่ขึ้นทะเบียนกับสมาคมมังสวิรัติ รับรองได้ว่าปราศจากส่วนผสมที่ได้มาจากสัตว์ และไม่ทำการทดลองกับสัตว์อย่างแน่นอน
การเลือกใช้ครีมบำรุงเท้า สามารถพิจารณาตามคุณสมบัติได้ ดังนี้
การเลือกใช้ครีมทาเท้า ควรเลือกใช้ให้เหมาะสมตามอาการ โดยแบ่งออกเป็น สอง ประเภท ดังนี้
ควรเลือกใช้ครีมทาเท้าที่ไม่เหนียวเหนอะหนะ และซึมเข้าสู่ผิวได้ไว เพราะครีมที่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะบนผิวเท้า จะทำให้เมื่อเดินบนพื้น อาจทิ้งรอยคราบเอาไว้ และทำให้รู้สึกไม่สบายเท้าได้
ส่วนผสมในครีมทาเท้าที่เหมาะสมและมีคุณภาพ จะช่วยให้การป้องกัน และรักษาอาการเท้าแห้งแตกได้ผลดี และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ Plant-Based บำรุงผิวจากธรรมชาติ และช่วยให้เท้าที่แห้งกร้านอ่อนนุ่มขึ้นในทันที อีกทั้งยังทำให้สามารถปกป้องความชุ่มชื้น เพื่อซ่อมแซมและปกป้องผิวได้ ดังนี้
อาการเท้าแห้งแตกมักเกิดจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื้น ดังนั้นจึงควรเลือกครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวเท้า เช่น ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากพืช มากกว่าเป็นสารเคมีสังเคราะห์ หรือเลือกส่วนผสมที่เน้นให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว อย่างเช่น กลีเซอรินที่สกัดจากไผ่ หรือ แบมบู คอมเพล็กซ์ วอเตอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ผิวที่สูญเสียน้ำและน้ำมัน จะทำให้เท้าแห้งแตก จึงควรเลือกครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันสกัดจากธรรมชาติ เพื่อช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื้นขึ้น และยังช่วยปกคลุมผิวชั้นนอกเพื่อป้องกันการสูญเสียน้ำ โดยสามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สูตร Plant-Based มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว เช่น เซราไมด์จากน้ำมันมะกอก ที่เป็นชั้นเคลือบผิวตามธรรมชาติ (ลิพิด) ทำหน้าที่เสมือนเกราะปกป้องความชุ่มชื้นผิว
เป็นไฟโตนิวเทรียนท์และสารต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงและปกป้องผิวให้ดูสุขภาพดีอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่กังวลเรื่องเท้าแห้งแตก จึงควรใช้ครีมทาส้นเท้าที่มีส่วนผสมของน้ำมันเมล็ดเชียขาว เพื่อปกป้องชั้นผิว และชะลอการเสื่อมของเซลล์ผิวได้อีกด้วย
ยูเรียเป็นส่วนผสมสำคัญที่ขาดไม่ได้ในครีมทาเท้า มีฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่แห้งแข็งหลุดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ จึงทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าอ่อนนุ่มขึ้น ช่วยลดการลอกเป็นขุยของชั้นหนังกำพร้า และยังทำหน้าที่เป็นสารช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิว จึงทำให้เท้าที่แห้งกร้านดูมีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น1
เพื่อความสะดวกต่อการใช้งานและการเก็บรักษา ควรเลือกบรรจุภัณฑ์ให้เหมาะสม โดยครีมทาเท้ามีบรรจุภัณฑ์อยู่ 3 แบบด้วยกัน ดังนี้
เท้าแห้งแตก คืออาการที่ผิวหนังชั้นกำพร้าบริเวณส้นเท้าเกิดรอยแตกและแยกออกมาเป็นแผ่น ซึ่งหากทิ้งไว้นาน จนเกิดการกดทับและเสียดสีบ่อยๆ จะมีอาการรุนแรงมากยิ่งขึ้นได้ โดยเท้าแห้งแตกนั้น สามารถป้องกันและรักษาได้หลากหลายวิธี เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น การใช้ครีมทาเท้าที่มีส่วนผสมสำคัญอย่างยูเรีย ซึ่งมีฤทธิ์เร่งการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่แห้งแข็งหลุดออกมา ช่วยให้ผิวหนังบริเวณเท้าอ่อนนุ่มขึ้น และยังช่วยลดการลอกเป็นขุยของชั้นหนังกำพร้า นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น แบมบู คอมเพล็กซ์ วอเตอร์ และ เซราไมด์จากน้ำมันมะกอก ซึ่งมีส่วนช่วยในการเพิ่มความชุ่มชิ้น และช่วยรักษาเกราะป้องกันผิว ต่อมาคือน้ำมันเมล็ดเชียขาว ที่จะช่วยบำรุงผิวให้เนียนนุ่ม แลดูมีสุขภาพดีขึ้น โดยส่วนผสมเหล่านี้ช่วยป้องกัน และรักษาอาการเท้าแตกแห้งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น