CORE 8 Infinity สุขภาพดี...ไม่มีสิ้นสุด | นิตยสารอะชีฟ ฉบับสิงหาคม 2564
หากเปรียบ ร่างกาย เป็น บ้าน เราต้องการบ้านพักอาศัยที่แข็งแรง ทนต่อสภาพแวดล้อม ปลอดภัยและสะดวกสบาย และหากกล่าวถึง สารอาหาร ที่ช่วยดูแลร่างกาย จึงเปรียบเหมือนส่วนประกอบสำคัญของบ้าน
1. โปรตีน
เปรียบเสมือนก้อนอิฐ
โปรตีนเป็นสารอาหารแมคโครนิวเทรียนท์ที่ร่างกายนำไปใช้สร้างพลังงาน ซ่อมแซมเซลล์และส่วนต่างๆ ในร่างกาย นอกจากนี้โปรตีนยังเป็นส่วนประกอบของเซลล์ทุกเซลล์และเป็นสารตั้งต้นของฮอร์โมนและสารสื่อประสาทมากมาย จึงเป็นดุจก้อนอิฐที่ก่อตัวขึ้นเป็นโครงสร้างของบ้าน
แนะนำให้รับประทานโปรตีนอย่างน้อยวันละ 0.8 - 1.2 กรัม ขึ้นอยู่กับขนาดร่างกายและกิจกรรมที่ทำ การได้รับโปรตีนไม่เพียงพอจึงเป็นเหมือนบ้านที่มีก้อนอิฐไม่เพียงพอ ผลคือผนังบ้านไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถกันลม กันฝนได้
2. วิตามินและเกลือแร่
เปรียบเสมือนปูนที่เชื่อมก้อนอิฐเข้าด้วยกัน
วิตามินเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ เสริมขบวนการเผาผลาญเพื่อดึงพลังงานมาใช้ รวมทั้งกระบวนการซ่อมแซมร่างกาย ดังนั้น หากขาดวิตามินในระยะเวลานานจะก่อให้เกิดโรคมากมายขึ้นได้
ส่วนเกลือแร่เป็นตัวเชื่อมปฏิกิริยาในร่างกายให้ไหลลื่น ดังนั้น การขาดเกลือแร่จะทำให้ร่างกายเกิดอาการรวนทันที เช่น ตะคริว ใจเต้นผิดปกติ ความดันโลหิตไม่คงที่ รวมไปอาการมึน งง เบลอ หรือเป็นลมได้ การได้รับวิตามินและเกลือแร่ไม่เพียงพอเปรียบเหมือนบ้านที่ขาดปูนที่ใช้เชื่อมอิฐเพื่อประสานโครงบ้าน ทำให้บ้านพร้อมที่จะพังทลายได้ทุกเมื่อ
3. ไฟโตนิวเทรียนท์
เปรียบเสมือนสีทาบ้าน
ที่ช่วยปกป้องบ้านจากมลพิษและสิ่งแวดล้อมภายนอก เพราะสารไฟโตนิวเทรียนท์ที่ร่างกายได้รับจากการรับประทานผักผลไม้ 5 สี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระต้านการอักเสบ และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน หากขาดสารไฟโตนิวเทรียนท์ก็เหมือนบ้านที่ขาดสีปกป้อง ตัวบ้านจึงอาจถูกสิ่งแวดล้อมทำให้เสียหายได้ง่ายๆ
4. กรดไขมันโอเมก้า-3
เปรียบเสมือนระบบไฟฟ้าและประปาภายในบ้าน
เป็นแมคโครนิวเทรียนท์ที่ร่างกายใช้สร้างพลังงานและมีความสำคัญในการประสานการทำงานของเซลล์ต่างๆ ในร่างกายหลายระบบ เนื่องจากเป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนและสารสื่อระหว่างเซลล์ ทำงานควบคุมระดับการอักเสบในร่างกายให้อยู่ในระดับที่พอดี และจำเป็นต่อการทำงานของจอตาและเซลล์สมอง
นอกจากนี้ โอเมก้า-3 ช่วยเสริมสร้างระบบหัวใจและหลอดเลือดที่ทำหน้าที่สำคัญในการส่งผ่านสารอาหาร ออกซิเจน และสิ่งสำคัญสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย เปรียบเสมือนท่อประปาและท่อไฟฟ้าของบ้าน หากขาดกรดไขมันโอเมก้า-3 ก็เหมือนบ้านที่ขาดการดูแลระบบสาธารณูปโภค ไม่สะดวกในการอยู่อาศัยอย่างยิ่ง
5. แคลเซียม
เปรียบเสมือนเสาเข็ม
เป็นเกลือแร่ที่มีปริมาณสูงที่สุดในร่างกาย จำเป็นต่อการทำงานในระดับเซลล์ ระบบประสาท และสำคัญยิ่งต่อกระบวนการสร้างกระดูกและฟันที่แข็งแรง กระดูกในช่วงวัยรุ่นและวัยทำงานจะมีแคลเซียมสูงสุด โดยร่างกายจะเก็บสะสมแคลเซียมส่วนใหญ่ไว้ที่กระดูกเพื่อให้เนื้อกระดูกแข็งแรงและเป็นแกนหลักรับน้ำหนักร่างกาย เมื่ออายุมากขึ้น มักมีการดูดซึมสารอาหารผิดปกติและฮอร์โมนไม่สมดุล ส่งผลให้ขาดแคลเซียมอย่างต่อเนื่องได้ ร่างกายจะดึงแคลเซียมที่สะสมในกระดูกมาใช้ ทำให้กระดูกบางลงหรือเกิดปัญหากระดูกพรุนได้ ดังนั้น การเสริมแคลเซียมร่วมกับแมกนีเซียมและวิตามินดีจึงควรเริ่มต้นตั้งแต่วัยหนุ่มสาว เหมือนเป็นการสะสมต้นทุนความแข็งแรงของกระดูก การได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอจึงเปรียบเหมือนการที่เสาเข็มไม่แข็งแรง และเมื่อไม่สามารถรับน้ำหนักบ้านได้อีกต่อไป จะทำให้บ้านพังครืนได้ง่ายๆ
6. วิตามินบี
เปรียบเสมือนหม้อแปลงไฟฟ้า
มีความสำคัญในกระบวนการเผาผลาญในเซลล์ ช่วยแปลงคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันมาเป็นพลังงานให้แก่ร่างกาย และเนื่องจากวิตามินบีทั้งกลุ่มเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ หากรับมามากเกินก็จะขับทิ้งไปกับปัสสาวะดังนั้น ในผู้ที่ไม่ชอบทานผักผลไม้จึงมีโอกาสขาดวิตามินบีได้ทุกตัว ยิ่งผู้ที่ใช้ร่างกายหนัก ใช้สมองมาก ยิ่งต้องการวิตามินบีอย่างเพียงพอ จึงจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขาดวิตามินบีทำให้เซลล์ทำงานช้าลง อ่อนเพลียได้ง่าย เปรียบเหมือนบ้านที่ขาดตัวแปลงพลังงาน จึงขาดพลังงานไฟฟ้าพร้อมใช้
7. วิตามินซี
เปรียบเสมือนระบบรักษาความปลอดภัย
มีส่วนช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย และกระบวนการต่อต้านสิ่งแปลกปลอมต่างๆ เช่น สารอนุมูลอิสระ วิตามินซีละลายดีในน้ำจึงเก็บสะสมในร่างกายได้เพียงเล็กน้อย จำเป็นต้องได้รับเป็นประจำทุกวันจากอาหารกลุ่มผักและผลไม้รสเปรี้ยว แต่ปัจจัยเรื่องชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารเค็มจัด ผงชูรส ดื่มชา กาแฟ ที่เร่งการขับปัสสาวะก็ทำให้สูญเสียวิตามินซีจากร่างกายได้เช่นกัน การขาดวิตามินซีจึงเปรียบเสมือนบ้านที่ขาดรั้วและระบบรักษาความปลอดภัย
8. โพรไบโอติกและไฟเบอร์
เปรียบเสมือนแม่บ้าน
กลุ่มเชื้อจุลินทรีย์ดีที่มักพบในอาหารประเภทหมัก เรียกว่า โพรไบโอติก สามารถช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และกากใยอาหารที่ถูกเรียกว่า พรีไบโอติก ซึ่งมีประโยชน์โดยตรงต่อลำไส้และเป็นแหล่งเสริมเชื้อโพรไบโอติกให้เพิ่มขึ้นและอยู่ในร่างกายได้นานขึ้น สารอาหารทั้ง 2 ชนิดจะทำงานร่วมกันเพื่อดูแลเสริมการย่อยและการดูดซึมสารอาหารต่างๆ ในทางเดินอาหาร ลดเชื้อโรคที่กวนการทำงานของลำไส้ และรักษาสมดุลภูมิคุ้มกันในร่างกาย การขาดโพรไบโอติกและไฟเบอร์จึงเปรียบเสมือนบ้านที่ขาดคนดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยภายในบ้าน ทำให้แม้เป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาใหญ่และเกิดความเสียหายต่อทุกคนในบ้านได้
