09 JUL 2021 บทความผลิตภัณฑ์ 2 นาทีในการอ่าน 28215 VIEWS 45 แชร์

ความลับของน้ำมันปลากับการชะลอวัย

1532408869172.jpg


น้ำมันปลาคือสารอาหารกลุ่มไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides หรือ Triacylglycerols) ซึ่งสกัดได้จากส่วนต่าง ๆ ยกเว้นจากตับของปลาทะเลบางชนิด สารสำคัญในน้ำมันปลาที่มีประโยชน์ต่อร่างกายคือ กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่ม “โอเมก้า-3” (Omega 3 Polyunsaturated Fatty Acids) น้ำมันปลาที่มีสภาพเป็นน้ำมันบริสุทธิ์หรือเป็นไตรกลีเซอไรด์บริสุทธิ์จะมีองค์ประกอบของกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ซึ่งมีกลุ่มโอเมก้า-3 ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด กรดไขมันไม่อิ่มตัวกลุ่มโอเมก้า-3 ประกอบด้วยกรดไขมันหลัก 2 ตัว คือ “ดีเอชเอ” (DHA, Docosa-hexaenoic Acid) และ “อีพีเอ” (EPA, Eicosa-entaenoic Acid) ฤทธิ์ของมันจะส่งผลต่อกลไกการทำปฏิกิริยาระดับเมแทบอลิซึมที่เกี่ยวพันกับดีเอ็นเอ ดังนั้น กรดไขมัน โอเมก้า-3 จึงถูกจัดเป็น “สารเมแทบอโลมส์” (Metabolomes)

นอกจากนี้ ยังมีรายงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่กล่าวถึงบทบาทของกรดไขมันโอเมก้า-3 ในการยืดอายุขัย ทั้งทางตรงและทางอ้อม ในทีนี้จึงขอแบ่งบทบาทของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่มีต่อกลไกการยืดอายุขัยและ ชะลอความชราออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้


- 1. Anti-inflammatory หรือการต้านการอักเสบ -


1532598454940_(1).jpg

เมื่อคนเราอายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมถอยลง นำไปสู่การเกิดภาวะอักเสบในเซลล์และอวัยวะต่างๆ ความสัมพันธ์ระหว่างภาวะอักเสบ ภูมิต้านทาน และความชราภาพเช่นนี้เองทำให้เกิดคำใหม่เรียกว่า Inflammaging อันหมายถึงภาวะอักเสบจากความเสื่อมถอยของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้นจากความชราภาพ นำไปสู่การสิ้นอายุขัยของเซลล์ จึงกล่าวได้ว่าความชราภาพคือภาวะอักเสบเรื้อรังที่เกิดขึ้นกับร่างกายนั่นเอง การลดภาวะอักเสบจึงเป็นกลไกสำคัญในการยืดอายุขัยและลดความชราภาพ

มีข้อมูลวิจัยยืนยันว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 จากปลา ทั้งชนิด EPA และ DHA สามารถลดภาวะอักเสบในเซลล์ผ่านกลไกการเพิ่มสารต้านอาการอักเสบ (Anti-inflammation) ซึ่งเกี่ยวข้องกับสารเมแทบอไลท์ตัวสำคัญคือ PGE3, PGD3, PGI3 (LTB5) และ TXA3 รวมทั้ง สารอนุพันธุ์ของสารเหล่านี้บางตัว ดังนั้น การที่กรดไขมันโอเมก้า-3 สามารถลดภาวะอักเสบเรื้อรังด้วยกลไกทางเมแทบอโลมิกส์เช่นนี้ จึงส่งผลให้ความชราภาพถูกชะลอให้ช้าลงได้


- 2. Good Mind หรือการเติมอารมณ์เบิกบาน -


1532408984338.jpg


กรดไขมันโอเมก้า-3 ได้รับสมญานามอย่างไม่เป็นทางการว่า Happy Fat หรือ ไขมันก่อสุข เนื่องจากกรดไขมันโอเมก้า-3 ทั้งชนิด EPA และ DHA สามารถออกฤทธิ์ลดภาวะซึมเศร้าได้ โดยเข้าไปยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางตัวที่ทำลาย เซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารกึ่งฮอร์โมนที่สร้างขึ้นในสมอง การลดลงของสารเซโรโทนินก่อปัญหาในผู้ป่วยทางสมองหลายกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยสมาธิสั้น (ADHD, Attention Deficit Hyperactivity Disorder) ไบโพลาร์ จิตเภท และผู้ป่วยทางอารมณ์บางกลุ่ม เช่น ภาวะซึมเศร้า ดังนั้น อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดภาวะซึมเศร้าอันเป็นผลจากการขาดสารเซโรโทนิน นั่นคือ การได้รับกรดไขมันโอเมก้า-3 ในปริมาณไม่เพียงพอนั่นเอง ที่สำคัญ ภาวะซึมเศร้าตลอดจนโรคทางสมองอื่นๆ ยังเร่งความชราภาพให้เกิดมากขึ้นด้วย


- 3. Elongated Telomere หรือการต่ออายุขัยให้เทโลเมียร์ -


1532409016687.jpg


เทโลเมียร์คือดีเอ็นเอที่อยู่ส่วนปลายสุดของโครโมโซมแต่ละแท่ง ทำหน้าที่สำคัญคือกำหนดอายุขัยของเซลล์ ทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว เทโลเมียร์จะสั้นลง ด้วยเหตุนี้เมื่ออายุเพิ่มขึ้นจนเข้าสู่วัยชรา เทโลเมียร์ ที่ผ่านการแบ่งตัวหลายครั้งจึงสั้นลงจนไม่สามารถแบ่งตัวได้อีก เป็นผลให้อายุขัยจบสิ้นลง ความยาวของเทโลเมียร์จึงเกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสื่อมสภาพของเซลล์ การยืดอายุขัยอาจทำได้โดยทำให้เทโลเมียร์ยาวขึ้น หรือโดยชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ ซึ่งทั้งสองกรณีนักวิทยาศาสตร์ยังไม่เข้าใจกลไกดีนัก รู้เพียงว่ากรดไขมันโอเมก้า-3 ออกฤทธิ์ชะลอการหดสั้นลงของเทโลเมียร์ได้

นอกเหนือจากน้ำมันปลาที่มีสารที่ให้ผลดีต่อการชะลอความชราภาพ และยืดอายุขัยผ่านกลไกต่างๆ แล้ว ยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการยืดอายุขัยและชะลอความชราดังต่อไปนี้


1532409046011.jpg

สารไฟโตนิวเทรียนท์สำคัญในกระเทียม ได้แก่ S-1-Propenyl-l-cysteine (S1PC) และ S-Allyl-L-cysteine (SAC) สาร 2 ชนิดนี้สามารถพบได้ในกระเทียมดิบในปริมาณต่ำ มีเพียงวิธีบ่มสกัดเท่านั้น จึงจะทำให้ได้ปริมาณสารที่มากพอจะแสดงฤทธิ์ทางเภสัช สารกลุ่มนี้ออกฤทธิ์กระตุ้นภูมิต้านทาน ลดความดันโลหิต ออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของ Cytochrome P450 และมีผลในการชะลอวัยได้ นอกจากนี้ สารสกัดจากกระเทียมยังให้ฤทธิ์เชิงบวกต่อการทำหน้าที่ของสมองและเซลล์ประสาท ส่งผลต่อการป้องกันอัลไซเมอร์และโรคทางระบบประสาทอื่นที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ


1532409064237.jpg

ปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางด้านโภชนาการโมเลกุลมากขึ้น เช่น การพัฒนาการด้านเวชศาสตร์ไมโตคอนเดรีย (Mitochondrial Medicine) โดยพบว่า ไมโตคอนเดรียเป็นอวัยวะย่อยภายในเซลล์แสดงบทบาทสำคัญในการย่อยสลายพลังงานให้กับเซลล์ กลไกการสลายพลังงานในไมโตคอนเดรียทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นขึ้น และหากควบคุมได้ไม่ดี อนุมูลอิสระที่เกิดจากปฏิกิริยาต่างๆ ในไมโตคอนเดรียอาจหลุดสู่สิ่งแวดล้อมภายนอก นำไปสู่การเร่งความชราภาพและลดอายุขัยของเซลล์ได้ ดังนั้น นักโภชนาการยุคใหม่จึงให้ความสำคัญกับโคเอนไซม์คิว 10 มากขึ้น โดยเชื่อว่าสามารถลดความบกพร่องของไมโตคอนเดรียอันนำไปสู่การชะลอความชราภาพลงได้


1532409084126.jpg

วิตามินซีเป็นสารเมแทบอโลมส์ที่เข้าไปทำงานเกี่ยวข้องกับสารพันธุกรรม นำไปสู่การป้องกันโรคที่อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม เช่น อัลไซเมอร์ และโรคทางระบบประสาทและสมองอื่นๆ ความเข้าใจที่มากขึ้นต่อวิตามินตัวนี้อาจนำไปสู่วิทยาการใหม่ที่ช่วยค้นพบวิธีการชะลอการลดความยาวของเทโลเมียร์ รวมถึงการต้านภาวะอักเสบเรื้อรังจากความชราภาพ (Inflammaging) และอื่นๆ ข้อควรระวังในการใช้วิตามินซี คืออย่าให้ปริมาณมากเกินไปจนกระทั่งสร้างปัญหาออกซิเดชั่น แทนที่จะต้านออกซิเดชั่น


เขียนโดย: ดร.วินัย ดะห์ลัน คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของนิวทริไลท์