25 DEC 2024 บทความผลิตภัณฑ์ 6 นาทีในการอ่าน 6380 VIEWS 246 แชร์

วิธีลดริ้วรอยแบบธรรมชาติ หน้าดูเนียนใส ไม่ต้องง้อคลินิก

Key Takeaway

  • ริ้วรอยบนใบหน้าเป็นรอยย่นที่เกิดขึ้นในหลายตำแหน่ง เช่น หน้าผาก ระหว่างคิ้ว ตีนกา ใต้ตา และร่องแก้ม ซึ่งเกิดจากการแสดงอารมณ์บนใบหน้า (Dynamic Wrinkles) และความเสื่อมของผิวตามวัย
  • วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติสามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการใช้ครีมและเซรั่มที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เรตินอล เมล็ดเชียขาว แครนเบอร์รี ไบโอเปปไทด์ และคอลลาเจนจากพืช ที่ช่วยลดเลือนริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว
  • การนวดหน้ากดจุดเป็นอีกวิธีลดริ้วรอยที่ทำได้เองที่บ้าน โดยนวดตามลำดับจากหน้าผาก รอบดวงตา แก้ม คางและขากรรไกร ไปจนถึงคอ และปิดท้ายด้วยมาส์คหน้า เพื่อช่วยกระชับผิวและเพิ่มการไหลเวียนเลือด
  • เครื่องนวดหน้าสามารถใช้ร่วมกับสกินแคร์รูทีนประจำวันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาดและการซึมซับผลิตภัณฑ์บำรุงผิว โดยควรสลับวันใช้เจลผลัดเซลล์ผิวหลังล้างหน้า 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อให้ผิวได้พัก และใช้มอยส์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายเสมอ

การแสดงอารมณ์และอายุ ทำให้เกิดริ้วรอย แต่มีวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติด้วยการนวดหน้ากดจุด และการใช้เครื่องนวดหน้าร่วมกับสกินแคร์ที่สามารถผลัดเซลล์ผิวได้

ทำความรู้จัก ริ้วรอย คืออะไร?

ริ้วรอยบนใบหน้า เป็นลักษณะของผิวหนังที่มีรอยย่นรอยพับในบางจุด หรือรวมไปถึงรอยแผลเป็นและแผลนูนที่อยู่บนใบหน้าด้วย โดยทั่วไปริ้วรอยจะปรากฏเด่นชัดเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากผิวมีความยืดหยุ่นน้อยนั่นเอง สำหรับวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้านั้น นอกจากพยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดแล้ว มักจะใช้ครีมลดริ้วรอย ทำเลเซอร์ ฉีดโบท็อกซ์ และวิธีการอื่นๆ ควบคู่กันไป

ตำแหน่งริ้วรอยบนในหน้าที่พบได้บ่อย

ริ้วรอยที่เกิดขึ้นบริเวณใบหน้าเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณตำแหน่งหน้าผาก ร่องแก้ม และรอบดวงตา ทำให้หลายคนเกิดความกังวลว่าริ้วรอยเหล่านี้จะทำให้ใบหน้าไม่สดใส หรือดูแก่กว่าวัย ซึ่งริ้วรอยบนใบหน้านั้นมีหลายประเภท1 แต่ละประเภทคืออะไร และมีสาเหตุอย่างไร สามารถทำความเข้าใจได้ ดังนี้

ริ้วรอยบนหน้าผาก

ริ้วรอยที่เกิดบนหน้าผากจะเห็นได้ว่าเป็นริ้วรอยร่องตื้นแนวนอนเป็นเส้นๆ อยู่บริเวณหน้าผาก เป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นบนใบหน้าเมื่อมีการแสดงสีหน้าอารมณ์ความรู้สึก และจะหายไปเมื่อใบหน้าผ่อนคลายแล้ว เป็นริ้วรอยประเภท “Dynamic wrinkles”

ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว

ริ้วรอยบริเวณระหว่างคิ้ว เป็นริ้วรอยประเภท “Dynamic wrinkles” เช่นเดียวกันกับริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เพราะเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นเมื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกผ่านใบหน้า และหายไปเมื่อผ่อนคลายอารมณ์นั้นๆ แล้ว

ริ้วรอยบริเวณตีนกา

ริ้วรอยบริเวณตีนกา คือ ริ้วรอยที่เกิดขึ้นรอบๆ ดวงตา โดยเฉพาะบริเวณหางตา ซึ่งเป็นริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยที่สูงขึ้น เพราะผิวหนังบริเวณรอบดวงตานั้นบางกว่าผิวส่วนอื่น จึงทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่ายและเห็นได้ชัดกว่า

ริ้วรอยบริเวณใต้ตา

ริ้วรอยบริเวณใต้ตา เป็นริ้วรอยที่เกิดจากผิวบอบบางและขาดความยืดหยุ่น จะปรากฏขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งริ้วรอยบริเวณใต้ตาและรอบดวงตาจะเห็นได้ชัดที่สุด

ริ้วรอยบนร่องแก้ม

ริ้วรอยบนร่องแก้ม เป็นริ้วรอยร่องลึกที่เป็นเส้นจากจมูกไปยังบริเวณปากและคาง เป็นริ้วรอยที่เกิดจากวัยที่สูงขึ้น ผิวขาดความยืดหยุ่นไม่สามารถคืนตัวได้ และสาเหตุจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันไม่ว่าจะเป็นการโดนแสงแดด การสูบบุหรี่ เป็นต้น

วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไร

วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไร

ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีในการฟื้นฟูผิวลดริ้วรอยบนใบหน้าหลายวิธี แต่ละวิธีมีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การฉีดโบท็อกซ์ หรือการทำเลเซอร์ เป็นต้น หลายคนจึงมองหาวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติ เพราะนอกจากจะลดค่าใช้จ่ายแล้ว ยังมีความปลอดภัยด้วย ซึ่งวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาตินั้น ทำได้หลายวิธี ดังนี้

1. ผลัดเซล์ผิวเป็นประจำ

การดูแลผิวให้สุขภาพดีและอ่อนเยาว์ นั้นทำได้ง่ายๆ ด้วยการผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเปิดเผยผิวใหม่ที่สดใสและเรียบเนียน พร้อมกับการบำรุงผิวด้วยครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น วิตามินซี วิตามินอี และสารสกัดจากพืชต่างๆ ซึ่งช่วยลดเลือนริ้วรอย จุดด่างดำ และปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ 

พีลลิ่ง กระตุ้นชั้นผิว

การผลัดเซลล์ผิวด้วยผลิตภัณฑ์พีลลิ่ง จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างชั้นผิวใหม่ได้เร็วยิ่งขึ้น แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้ผิวระคายเคืองจนเกินไป หากสารผลัดเซลล์ผิวจำพวก AHA, BHA รุนแรงเกินไป อาจเลือกใช้สารสกัดจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์คล้ายคลึงกัน เช่น เอนไซม์จากเห็ด, ทับทิม และกรดแมนเดลิก  ที่สามารถผลัดเซลล์ผิวด้วยการทำลายสารเชื่อมชั้นผิวกำพร้า ก่อนกระตุ้นให้เกิดการสร้างชั้นผิวใหม่ และผลัดเซลล์ผิวเก่าออกไปอย่างอ่อนโยน จึงสามารถผลัดเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพอย่างล้ำลึกถึง 25% ภายใน 8 นาที เผยผิวใหม่ที่กระจ่างใส เรียบเนียน รูขุมขนกระชับ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

วิตามินซีเหมาะกับริ้วรอยเล็กๆ

จากการศึกษาพบว่าวิตามินซีช่วยลดเลือนริ้วรอย โดยเฉพาะริ้วรอยขนาดเล็ก นอกจากนี้การใช้ครีมที่มีวิตามินซีเป็นส่วนผสมติดต่อกันยาวนานอย่างน้อยสามเดือนจะช่วยลดเลือนรอยเหี่ยวย่นบริเวณใบหน้าและลำคอ อีกทั้งยังช่วยทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน กระจ่างใสได้อีกด้วย3

เรตินอลเหมาะกับริ้วรอยร่องลึก4

ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามินเอ ทั้งเรตินอล และเรติน เอ มีส่วนช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ และเรียบเนียนขึ้น นอกจากนี้วิตามินเอยังเป็นอาหารผิวที่สำคัญ เพราะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจน ที่จะมาช่วยลดริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า และป้องกันการเสื่อมสภาพของผิวหน้า4

เมล็ดเชียขาวเกราะป้องกันผิว5

เมล็ดเชียขาว มีส่วนช่วยบำรุงและปรับสภาพผิว ด้วยการช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิว สร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และดูแลสมดุลไมโครไบโอมผิว เพราะหากไมโครไบโอมบนผิวหน้าลดลง หรือขาดสมดุลจะทำให้ผิวหน้าเหี่ยวย่นและดูแก่กว่าวัย5 โดยเมล็ดเชียขาวไม่เพียงแต่ช่วยลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าเท่านั้น เพราะมีด้วยกันถึง 4 รูปแบบ แต่ละรูปแบบมีสรรพคุณที่แตกต่างกัน แก้ไขปัญหาผิวอื่นๆ ได้อีกด้วย ดังนี้

  • น้ำมันเมล็ดเชียขาว มีส่วนช่วยบำรุงผิวหนังชั้นบน สร้างเกราะป้องกันผิว ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวอย่างมีประสิทธิภาพ
  • ไลโปโซมเมล็ดเชียขาว มีส่วนช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมให้ความชุ่มชื้น และเผยผิวดูกระจ่างใส
  • เจลเมล็ดเชียขาว มีส่วนช่วยดูแลไมโครไบโอมผิว พร้อมปรับผิวให้ดูกระจ่างใส
  • สารสกัดเมล็ดเชียขาว มีส่วนช่วยเพิ่มสารแอนตี้ออกซิแดนท์ให้แก่ผิว พร้อมปรับสมดุลไมโครไบโอมบนผิว ฟื้นฟู และช่วยให้ผิวดูแข็งแรง

2. เซรั่มที่มีส่วนช่วยลดเลือนริ้วรอย

เซรั่ม อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้าที่มีความเข้มข้นสูง แต่เนื้อบางเบา ซึมเข้าสู่ผิวได้ไว หากกำลังมองหาสกินแคร์ลดเลือนริ้วรอยอยู่ ควรเลือกใช้เซรั่มที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ควรมองหาเซรั่มที่มีส่วนผสมดังต่อไปนี้

  • แครนเบอร์รี ไบโอเปปไทด์ (Cranberry Biopeptide) คือส่วนผสมที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเสมือนเรตินอลจากธรรมชาติ ตัวแครนเบอร์รีได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย ลดเลือนรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า อีกทั้งยังช่วยทำให้หน้าแลดูกระจ่างใสได้อีกด้วย
  • คอลลาเจนจากพืช (Vegan Collagen) มีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ทำให้ผิวดูกระชับ และลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยได้
  • เฟอร์เมนเทีย โอลิโกเปปไทด์ (Oligopeptide) มีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ผิว พร้อมมีส่วนช่วยลดเลือนริ้วรอย
  • เฟอร์เมนเทียคอมบูชา (Kombucha Ferment) ช่วยลดเลือนผิวเหี่ยวย่นจากการขาดความชุ่มชื้นบนผิวหนังส่วนบาง (Thin Skin) ด้วยกระบวนการไกลเคชั่น (Glycation) ที่แม่นยำ และมีประสิทธิภาพ
ใช้แสงสีแดงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

3. ใช้แสงสีแดงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน

แสงสีแดง (Red Light Therapy) ทำงานโดยการกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยแสงสีแดงจะเข้าไปช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและไฟโบรบลาสต์ ซึ่งเป็นโปรตีนและเซลล์ที่สำคัญในการสร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นให้กับผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ 

นอกจากนี้ แสงสีแดงยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิต ทำให้เซลล์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ส่งผลให้การซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบของเซลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดริ้วรอยและความเสื่อมของผิว ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนและลดการระคายเคือง6

ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว

4. ใช้อุปกรณ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว

การใช้อุปกรณ์คู่กับสกินแคร์รูทีนที่เน้นการผลัดเซลล์ผิว เป็นวิธีการลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้าแบบธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอุปกรณ์ส่วนใหญ่มักจะมีโหมดหลักๆ เป็นโหมดคลีนซิ่งและโหมดเซรั่ม โดยมีหลักการทำงาน ดังนี้

  • โหมดคลีนซิ่ง ใช้หลังจาก Peeling เป็นการทำความสะอาดด้วยน้ำที่ล้างได้ลึกถึงรูขุมขน และดูดเซลล์ผิวที่ผลัดออกมาไม่ให้อุดตันหรือตกค้างอยู่บนผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป 
  • โหมดเซรั่ม อาจมีการใช้แสงสีแดงช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว หรือเป็นการนวดเพื่อผลักดันสารบำรุงในเซรั่มให้ซึมลึกลงสู่ผิวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าการทาแบบทั่วไป ทำให้ผิวได้รับสารอาหารครบถ้วน ช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน ลดริ้วรอย และดูอ่อนเยาว์ขึ้น

การมีผิวที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัยเป็นเป้าหมายของใครหลายคน และถึงแม้ว่าการเปลี่ยนแปลงที่เห็นผลชัดเจนในระยะเวลาอันสั้นอาจเป็นไปได้ยาก แต่ด้วยการดูแลผิวอย่างถูกวิธีและสม่ำเสมอ ก็สามารถเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้เช่นกัน วันนี้เรามีเคล็ดลับดูแลผิวหน้าที่ช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ลงถึง 8 ปีใน 1 สัปดาห์ มาฝากกัน

เคล็ดลับดูแลผิวหน้าที่ช่วยให้ผิวของคุณดูอ่อนเยาว์ลงถึง 8 ปีใน 1 สัปดาห์

วันที่ 1

  1. ล้าง เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าแบบ Double Cleansing ด้วยคลีนซิ่งและโฟมล้างหน้า เพื่อขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก
  2. ผลัด ใช้เจลผลัดเซลล์ผิวร่วมกับแลบส์ อควาเนรชั่น โหมดคลีนซิ่ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก
  3. บำรุง เช็ดโทนเนอร์เพื่อปรับสมดุล ทาเซรั่มเร่งผลัดเซลล์ผิว พร้อมใช้แลบส์ อควาเนรชั่น โหมดคลีนซิ่ง โหมดเซรั่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย จากนั้นทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น และเพื่อป้องกันผิวแห้งกร้านจากการผลัดเซลล์ผิว

วันที่ 2-3

  1. ล้าง ทำความสะอาด 2 ขั้นตอนเหมือนเดิม แต่ในทุกๆ วันที่ 2-3 วัน ต้องเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นตัวอย่างเต็มที่
  2. บำรุง หลังจากล้างหน้าให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิว สามารถทาเซรั่มที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว ตามด้วยการใช้แลบส์ อควาเนรชั่น โหมดเซรั่ม ได้เหมือนเดิมทุกๆ วัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว และทามอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและอิ่มน้ำ

วันที่ 4

  1. ล้าง Double Cleansing ด้วยคลีนซิ่งและโฟมล้างหน้า เพื่อขจัดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรก
  2. ผลัด ใช้เจลผลัดเซลล์ผิวร่วมกับแลบส์ อควาเนรชั่น โหมดคลีนซิ่ง เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าและทำความสะอาดรูขุมขนอย่างล้ำลึก
  3. บำรุง เช็ดโทนเนอร์เพื่อปรับสมดุล ทาเซรั่มเร่งผลัดเซลล์ผิว พร้อมใช้แลบส์ อควาเนรชั่น โหมดคลีนซิ่ง โหมดเซรั่ม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย จากนั้นทามอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้น และเพื่อป้องกันผิวแห้งกร้านจากการผลัดเซลล์ผิว

วันที่ 5-7

  1. ล้าง ทำความสะอาด 2 ขั้นตอนเหมือนเดิม แต่ในทุกๆ วันที่ 2-3 วัน ต้องเว้นการใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เพื่อให้ผิวได้พักและฟื้นตัวอย่างเต็มที่
  2. บำรุง หลังจากล้างหน้าให้ใช้โทนเนอร์เช็ดผิว สามารถทาเซรั่มที่มีส่วนผสมช่วยผลัดเซลล์ผิว ตามด้วยการใช้แลบส์ อควาเนรชั่น โหมดเซรั่ม ได้เหมือนเดิมทุกๆ วัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบำรุงผิว และทามอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มและอิ่มน้ำ

สำหรับการผลัดเซลล์ผิวหน้าเพื่อลดริ้วรอยแบบป้องกันการระคายเคือง สามารถทำเองได้ที่บ้าน ไม่ต้องเข้าคลินิก หรือหาแพทย์ผิวหนัง แนะนำให้ใช้เจลผลัดเซลล์ผิวเฉพาะในตอนเย็น 2 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น เนื่องจากผิวหน้าในตอนกลางคืนจะได้มีเวลาฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่ ส่วนในตอนเช้า สามารถบำรุงผิวตามปกติได้ด้วยเซรั่มที่เร่งการผลัดเซลล์ผิวควบคู่กับแลบส์ อควาเนรชั่น โหมดเซรั่ม ตามด้วยมอยส์เจอไรเซอร์เพื่อกักเก็บความชุ่มชื้น และปิดท้ายด้วยครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด

สรุป

ริ้วรอยเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าเมื่ออายุมากขึ้น เนื่องจากสภาพผิวที่แห้งและขาดความยืดหยุ่น เกิดเป็นริ้วรอยได้ง่าย การลดริ้วรอยบนใบหน้ามีหลายวิธี แต่วิธีที่เป็นแบบธรรมชาติจะมีความปลอดภัยและไม่มีค่าใช้จ่ายที่สูงเกินไป 

ควรใช้อาร์ทิสทรี แลบส์ รีเท็กซ์เจอไรซิ่ง คอมพลีต ซิสเท็ม อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 1 เดือน แล้วพัก 3 เดือน โดยในช่วงที่พักจากการใช้ LABs สามารถบำรุงผิวด้วยเซรั่มวิตามินซีในช่วงเช้าเพื่อช่วยให้ผิวกระจ่างใส และใช้เซรั่มแก้ไขปัญหา (correcting serum) ในช่วงกลางคืนเพื่อดูแลปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น รอยสิว รอยดำ หรือริ้วรอย ช่วยให้ผิวได้รับการบำรุงอย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

*ผ่านการทดสอบทางคลินิกแล้วว่าสามารถต่อต้านสัญญาณแรกเริ่มแห่งวัย และช่วยคงความยืดหยุ่นของผิว เพื่อผิวที่ดูอ่อนเยาว์

Reference

  1. Webmd. A Visual Guide to Wrinkles. webmd.com. Published 6 August 2021. Retrieved 17 August 2023.

  2. Abigail James. Anti-ageing, Face lifting massage - Abigail James Facialist. youtube.com. Published 18 April 2017. Retrieved 17 August 2023.

  3. Harvard Health Publishing. Why is topical vitamin C important for skin health?. health.harvard.edu. Published 1 November 2021. Retrieved 17 August 2023.

  4. Verywell Health. How Vitamin A Works for Aging Skin. verywellhealth.com. Published 5 June 2023. Retrieved 17 August 2023.

  5. Amway. Ingredient spotlight: White chia seeds. amway.com. Published 27 March 2023. Retrieved 17 August 2023.

  6. clevelandclinic. Red Light Therapy. my.clevelandclinic.org. Published 12 January 2021. Retrieved 23 December 2023.