![]() |
![]() |
![]() |
วันวาน คุณนิรมล (กุ้ง) เวโรจนกุล และคุณสำราญ อุ่นยวง ใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่ยากลำบาก ไม่มีแม้กระทั่งโอกาสในการลงแรงสร้างชีวิต แต่ทั้งคู่ก็ขวนขวายจนได้รับโอกาสสร้างชีวิตจากธุรกิจแอมเวย์ คุณสำราญเล่าย้อนไปว่าเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน คุณนิรมลเป็นพยาบาล ส่วนคุณสำราญเป็นเจ้าหน้าที่อนามัยอยู่ที่ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี หลังได้ยินว่าธุรกิจแอมเวย์สามารถสร้างรายได้เป็นตัวเลขหลักหมื่น คุณสำราญก็เพียรค้นหาที่สมัครจนได้เข้าร่วม แต่เพราะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล การสร้างธุรกิจจึงเป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง “ตอนนั้นทำไม่เป็นเลยครับ อาศัยอ่านคู่มือไปทำไป ผมอยู่สถานีอนามัยห่างจากตัวจังหวัดร้อยกว่ากิโลเมตร ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา โทรศัพท์ หลังหนึ่งทุ่มคือมืดหมด บางครั้งไปสาธิตสินค้าเสร็จไม่ทัน มืดก่อน ต้องจุดเทียนสาธิต (หัวเราะ)”
แม้จะต้องทำธุรกิจในความมืดมิด แต่ความหวังในใจกลับสว่างไสว “วันที่เราเริ่มต้นคนข้างนอกจะกรอกหูว่าเป็นไปไม่ได้หรอกธุรกิจนี้ คนชนบทยากจน สินค้าราคาสูง ไม่มีใครซื้อ แต่เรารู้ดีว่า เราไม่ได้ไปขายของ แต่เรากำลังไปปลุกฝัน สร้างความหวัง ชวนผู้คนให้มาร่วมกันสร้างชีวิตด้วยธุรกิจนี้ครับ” ปกติของการทำธุรกิจย่อมมีทั้งขาดทุนและกำไร แต่กับธุรกิจนี้ทั้งคู่บอกว่าเป็นการลงทุนที่มีแต่กำไร “เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียที่ผ่านมาเรามองหาอะไรทำเพิ่มมาตลอด ไม่กลัวลำบาก ไม่กลัวเหนื่อย แต่ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีโอกาส เราไม่กลัวล้มเหลวเพราะตอนนั้นชีวิตไม่มีอะไรสำเร็จ การลงทุนกับธุรกิจนี้จึงมีแต่กำไรมากกับกำไรน้อย ไม่มีเสมอตัว ไม่มีขาดทุนเพราะไม่มีทุนให้ขาดครับ (ยิ้ม)”
ด้วยแนวคิดนี้ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าอย่างที่เรียกได้ว่าดับเครื่องชน จนได้เป็นเพชรสมความปรารถนา คุณกุ้งเล่าว่า “พอเป็นเพชรเราเห็นแล้วว่าสิ่งที่ได้รับจากธุรกิจนี้มันเกินคาด เกินฝันมาไม่รู้กี่สิบเท่า นั่นทำให้เราอยากให้คนที่ลำบากมาด้วยกันได้รับสิ่งนี้ด้วย เราจึงมุ่งมั่นดูแลสายงาน ทำทางลึก ค่อยๆ ทำไปทีละสายจนทุกสายมั่นคง” เส้นทางการก้าวสู่ความเป็นเพชรบริหารสองผู้สถาปนาจึงเป็นการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อส่งให้ทั้งองค์กรผลักดันกันไปสู่ความสำเร็จที่มากขึ้น และแผนงานต่อไปคือการเพาะต้นกล้าเพื่อปลูกป่า “ธุรกิจนี้ยิ่งอยู่นานยิ่งไร้กังวล เป็นอิสระ มีความสุข และมีคุณค่า ซึ่งสิ่งเหล่านี้หาได้น้อยมากในธุรกิจอื่น ดังนั้น เราจึงอยากส่งต่อแนวคิดและวิธีการทำงานที่ได้สั่งสมมาไปยังคนรุ่นถัดไป หน้าที่ของเราตอนนี้คือการเตรียมคนรุ่นสอง เป็นรุ่นลูกของคนในองค์กร ปลูกฝังทั้งนิสัย แนวคิด และจิตวิญญาณในการทำธุรกิจที่ถูกต้องให้กับเขา เพื่อให้เขาขับเคลื่อนธุรกิจต่อจากเราและได้รับรางวัลแห่งความสำเร็จเหมือนที่เราเคยได้รับมาค่ะ”
เก้าอี้สี่ขา คือสิ่งที่ทั้งคู่เชื่อว่าเป็นคุณลักษณะสำคัญในการก้าวสู่ความสำเร็จ “ขาที่หนึ่งคือ ความคิด ต้องคิดบวก คิดใหญ่ คิดไกล คิดก้าวหน้า ขาที่สองคือ จิตวิญญาณ ธุรกิจนี้ขับเคลื่อนด้วยความฝันและอุดมการณ์ ต้องมีฝันที่แข็งแรง ชัดเจน มีอุดมการณ์ในการช่วยเหลือผู้คน ขาที่สามคือ ทักษะด้านต่างๆ โดยเฉพาะทักษะมนุษย์คือการเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น ขาที่สี่คือ อารมณ์ ทัศนคติ ความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้พบได้เผชิญ ต้องมั่นคง ไม่ไขว้เขว และยืนหยัด องค์ประกอบทั้งสี่นี้เหมือนขาของเก้าอี้ ถ้าขาทั้งสี่ครบสมบูรณ์ก็จะเป็นเก้าอี้ที่แข็งแรงพร้อมที่จะไปสู่ความสำเร็จได้ครับ” คุณสำราญอธิบาย “นอกจากนั้นเราต้องค้นหาตัวเองให้เจอว่า ความต้องการและความฝันในชีวิตเราคืออะไร แล้วดูว่าธุรกิจนี้ตอบโจทย์หรือไม่ ถ้าคำตอบคือใช่ ลงมือทำอย่างจดจ่ออย่างหมกมุ่นและเอาจริง ถ้าเราคิดว่าทำเล่นๆ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ พอเจอปัญหาก็จะคิดว่าอยู่เปล่าๆ ดีกว่า (หัวเราะ) ดังนั้นต้องระลึกไว้เสมอว่า ธุรกิจนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นหรือแค่อาชีพเสริม แต่เป็นเครื่องมือสร้างชีวิตที่ง่าย สมบูรณ์แบบ เป็นแพ็กเกจความสำเร็จครบทุกมิติ และทุกคนสำเร็จได้จริงครับ”
สมัคร | สิงหาคม 2534 |
ระดับแพลตินัม | เมษายน 2535 |
ระดับทับทิม | กรกฎาคม 2535 |
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2541 |
ระดับทิมสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2560 |
ระดับไพลิน | กุมภาพันธ์ 2541 |
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2541 |
ระดับมรกต | กรกฎาคม 2537 |
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2546 |
ระดับเพชร | มิถุนายน 2539 |
ระดับเพชรสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2554 |
ระดับเพชรบริหาร | สิงหาคม 2564 |
ระดับเพชรบริหารสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2564 |
![]() |
ใครจะคิดว่าแค่ไปเดินเล่นในร้านหนังสือก็จะได้รับโอกาสใหม่ในชีวิต ซึ่งนั่นคือหนทางการก้าวสู่ธุรกิจแอมเวย์ของนพ.พิชญ์ (เอิร์ธ) เพชรมาลา และคุณณัฐธยาน์ (ออม) ลิมปิรัชต์ คุณเอิร์ธเล่าว่า “ผมเจอธุรกิจนี้ในศูนย์หนังสือฯ ครับ พี่เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เดินเข้ามาทักว่ากำลังหาอะไรทำเพิ่มอยู่รึเปล่า จากนั้นก็ทำความรู้จักและให้เบอร์ติดต่อกัน ก็มีนัดคุย ผมไม่เคยรู้จักธุรกิจมาก่อน พอได้ฟังก็ตื่นเต้นว่ามีธุรกิจแบบนี้ มีรายได้แบบนี้ด้วยเหรอ ก็ไปเล่าไปถามเพื่อน แทบทุกคนบอกไม่ค่อยโอเค (ยิ้ม) ใจหนึ่งก็เชื่อเพื่อนครับ แต่อีกใจก็เชื่อสิ่งที่เราไปคุยไปเห็นมา ผมเลยใช้วิธีเข้าไปลองศึกษา” และในที่สุดก็ถึงจุดเปิดใจ “ตอนไปงานแคมป์ได้ฟังคุณหมอชนันต์ (นพ.ชนันต์ คุณชยางกูร - พญ.บำรุงรัตน์ กลิ่นกำธรกุล นธอ.ระดับเพชรคู่สองผู้สถาปนา) ทำให้เห็นภาพธุรกิจซึ่งสอดคล้องกับวิชาชีพตัวเอง ผมก็เลยเปิดใจ รู้สึกว่าเราน่าจะทำได้ครับ”
หลังจากนั้นคือการเริ่มต้นธุรกิจด้วยการวางแนวทางอย่างเป็นระบบ “ผมเริ่มโดยใช้สายสัมพันธ์ครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักศึกษาไม่มีกำลังซื้อ ต้องเน้นเพิ่มปริมาณคน ผมก็เลยเก่งในด้านการชวนคน (ยิ้ม) จำได้ว่าชวนรัวๆ เลย ควบคู่กับการเข้ามาเรียนรู้ในเซนเตอร์เพื่อประคองความคิด กำลังใจ ค่อยๆ ก้าวไปครับ” คุณออมเล่าต่อว่า “ตอนเป็นคนคุยกันเขายังไม่บอกว่าทำอะไร (หัวเราะ) กระทั่งออมหกล้มกระดูกข้อมือหักซึ่งมีผลกับอาชีพ ทำให้ออมเริ่มทบทวนและคิดกับชีวิตว่าอาชีพเรามั่นคง แต่เป็นตัวเรารึเปล่าที่ไม่มั่นคง ตอนนั้นเอิร์ธก็เลยชวนให้อ่านหนังสือแล้วเล่าเรื่องธุรกิจให้ฟัง ออมอยากรู้ว่าทำยังไงก็เลยมาเซนเตอร์ เปิดใจจากบรรยากาศค่ะ เห็นคนสำเร็จก็อยากได้วิถีชีวิตแบบนั้นบ้าง (ยิ้ม)”
ทั้งที่ถูกมองว่าอยู่ในสายอาชีพที่มั่นคง แล้วด้วยเหตุผลใดที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจเลือกเดินบนเส้นทางใหม่ “ออมตัดสินใจโดยดูที่ผลลัพธ์ค่ะ ซึ่งมองแล้วก็เห็นว่าธุรกิจนี้ให้ครบทุกมิติที่ต้องการจริงๆ พอตัดสินใจแล้วก็ปักธงเลยว่าต้องทำให้ได้ เลือกแล้วต้องแลกให้สุด ทำให้จบโดยยอมรับเงื่อนไขความสำเร็จ ยึดความสำเร็จเป็นที่ตั้ง ออมคิดว่า ถ้าเราวางตัวบนจุดยืนนี้ไม่ว่าจะเจอปัญหาหรือเรื่องไม่ได้ดั่งใจอะไรก็จะทำให้เราผ่านไปได้ค่ะ” ส่วนคุณเอิร์ธนั้นตัดสินใจลงหลักปักฐานบนเส้นทางธุรกิจนี้ด้วยกระดาษแผ่นเดียว “ตอนนั้นมีโอกาสเข้ามาหลายทางทำให้ผมต้องคิดจริงจังว่าจะเลือกทางไหน ก็ใช้วิธีบ้านๆ หากระดาษแผ่นหนึ่งมานั่งเขียนผลลัพธ์ด้านต่างๆ ที่คาดว่าเราน่าจะทำได้จากทั้งสองฝั่งในแต่ละช่วง อายุ 30 35 จนถึง 60 มาเทียบกัน จบเลยครับ (ยิ้ม) เห็นชัดมากว่าในระยะยาวธุรกิจนี้มีจุดคุ้มทุนที่เพิ่มมากขึ้น ยิ่งทำยิ่งสุขภาพดีขึ้น มีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น ซึ่งแตกต่างจากงานอื่นครับ”
ความสำเร็จแบบก้าวกระโดดที่เกิดขึ้นชวนให้อยากรู้ว่าเป็นเพราะอะไร...เพราะทั้งคู่มีต้นทุนชีวิตดีกว่าคนอื่น? “ออมคิดว่าทุกคนไม่ว่าจะมาจากต้นทุนแบบไหน ในธุรกิจนี้เราเท่ากันค่ะ และเราทุกคนโชคดีที่มีเครื่องมือนี้ เพราะด้วยเครื่องมือนี้เราจะได้ทุกอย่างที่ฝันไว้ ขอแค่เราเห็นคุณค่าและลงมือทำอย่างตั้งใจ ต้นทุนมาจากไหนก็สำเร็จได้ทุกคนค่ะ” ถ้าต้นทุนไม่เกี่ยว แล้วทั้งคู่มีเทคนิคพิเศษบ้างหรือไม่ คุณเอิร์ธตอบพลางหัวเราะว่า “ไม่มีครับ ผมได้ยินมาตลอดว่าอยากสำเร็จต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง เมื่อก่อนผมก็ไม่เข้าใจว่าต้องเปลี่ยนแปลงยังไง แค่ไหน จนเมื่อตัดสินใจสำเร็จถึงได้รู้ว่าต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อให้รองรับความสำเร็จที่มากขึ้นได้ ต้องกลับมาเรียนรู้โดยไม่ติดกับภาพความสำเร็จเดิม เริ่มคุยกับคนใหม่ ถูกปฏิเสธใหม่ ทำงานพื้นฐานใหม่ ควบคู่กับการเรียนรู้ที่จะปรับเปลี่ยนตัวเองภายใน ใจเย็นขึ้น รอบคอบขึ้น ผมจึงอยากให้กำลังใจทุกคนนะครับว่า ในธุรกิจนี้คุณไม่ได้เป็นคนเดียวที่ต้องเปลี่ยนแปลง แต่ขอให้เชื่อครับว่า ผลลัพธ์ที่ได้จากการเปลี่ยนแปลงนี้จะคุ้มค่ามาก ดังนั้น แม้การเปลี่ยนแปลงจะเป็นเรื่องที่คุณไม่ถนัด ไม่ชอบ ไม่ชิน แต่ขอให้คุณอดทน ตั้งใจ เมื่อไปถึงความสำเร็จ คุณก็จะได้ทำสิ่งที่ถนัด สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ชิน ได้เป็นตัวเองจริงๆ และเป็นได้อย่างสบายใจไร้กังวลด้วยครับ (ยิ้ม)”
สมัคร | สิงหาคม 2553 |
ระดับแพลตินัม | เมษายน 2556 |
ระดับทับทิม | ตุลาคม 2556 |
ระดับแพลตินัมสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2556 |
ระดับไพลิน | กรกฎาคม 2557 |
ระดับไพลินสองผู้สถาปนา | กรกฎาคม 2558 |
ระดับมรกต | สิงหาคม 2557 |
ระดับมรกตสองผู้สถาปนา | มิถุนายน 2562 |
ระดับเพชร | กุมภาพันธ์ 2564 |
ระดับเพชรสองผู้สถาปนา | สิงหาคม 2564 |
ระดับเพชรบริหาร | สิงหาคม 2564 |
![]() |