Key Takeaway
|
รังแคเกิดจากหนังศีรษะหลุดลอกเป็นขุยขาว มีสาเหตุจากความมันหรือแห้งเกินไป เชื้อรา สามารถลดรังแคได้ด้วยแชมพูสูตรขจัดรังแค การดูแลหนังศีรษะ หากรุนแรงควรพบแพทย์
รังแคมีลักษณะเป็นแผ่นๆ ขุยๆ หรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ อยู่บริเวณโคนผม หรือเส้นผม ซึ่งอาจหลุดร่วงลงมาเกาะติดเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อสีเข้ม ทำให้เห็นได้ชัดเจน ปัญหานี้ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ที่ประสบปัญหา รังแคเกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะหลุดลอกเร็วกว่าปกติ ในขณะที่คนทั่วไปเซลล์ผิวหนังจะผลัดเปลี่ยนทุกๆ ประมาณ 28 วัน แต่ผู้ที่มีรังแคจะมีการผลัดเซลล์เร็วกว่า ทำให้เกิดสะเก็ดสีขาวขึ้นมา1
ความสมดุลของหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพเส้นผม หากหนังศีรษะขาดความสมดุล ก็อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เกิดรังแคได้2 ดังนี้
สาเหตุของรังแคเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวหนังบนศีรษะเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดสะเก็ดสีขาวหลุดลอกออกมาจากปัจจัยดังนี้2
รังแคเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ มาดู 7 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้กำจัดรังแค และมีหนังศีรษะที่สะอาด สดชื่น ไร้รังแคดังนี้
แชมพู ที่ช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรังแค นอกจากนี้ ยังช่วยปรับสมดุลของหนังศีรษะ ลดอาการคัน และช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้นมากขึ้น โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากขิง เมล็ดทานตะวัน เทคโนโลยีไฟโตครีเอทีน เทคโนโลยีไลโปโซม เพราะจะช่วยจัดการปัญหารังแคได้
บำรุงหนังศีรษะด้วยทรีตเมนต์ที่มีสารสกัดพืชพรรณหลากชนิดอย่าง เมล็ดทานตะวัน โสมไซบีเรีย จะช่วยปรับสมดุล ฟื้นฟูและบำรุงหนังศีรษะอย่างล้ำลึก พร้อมปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีไฟโต จะสามารถนำสารอาหารจากธรรมชาติซึมลึกสู่หนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หากคุณมีผมเส้นเล็กหรือตรงตามธรรมชาติ หรือหนังศีรษะมัน ควรใช้แชมพูขจัดรังแคโดยประมาณสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อควบคุมความมัน แต่หากคุณมีเส้นผมหยาบหรือหยิกตามธรรมชาติ ให้สระผมเมื่อจำเป็นเท่านั้น และใช้แชมพูขจัดรังแคประมาณสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว
ควรระวังการใช้แชมพูขจัดรังแคบ่อยเกินไปสำหรับคนผมหยิกหรือผมหยักศก เนื่องจากส่วนผสมในแชมพูอาจทำให้ผมแห้งเสียได้ หากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้สลับกับแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่เหมาะกับผมหยิกเพื่อบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื้น3
การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีจะช่วยลดรังแคได้ ซึ่งสารเคมีบางชนิดที่พบในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น น้ำหอมและสารกันเสีย ซึ่งมักมีอยู่ในแชมพูและครีมนวดผม เป็นสาเหตุของการเกิดรังแคได้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้ต่อหนังศีรษะของผู้ที่มีผิวบอบบาง
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดรังแคได้ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้หนังศีรษะแห้ง ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป ซึ่งสภาวะที่หนังศีรษะมันและแห้งสลับกันนี้ จะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดรังแค
การกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน และการเสริมโพรไบโอติกส์ อาจช่วยลดอาการคันและการลอกของหนังศีรษะได้ เพราะจะช่วยลดการอักเสบและปรับสมดุลของจุลินทรีย์บนหนังศีรษะ4
สังเกตหรือไม่ว่าเวลาเราเครียด รังแคจะยิ่งเยอะ? การลดและจัดการระดับความเครียดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหารังแคได้ เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดรังแคได้ อาจลองผ่อนคลายด้วยการทำโยคะ นั่งสมาธิ หรือเดินเล่นเป็นประจำ การจดบันทึกความรู้สึกเครียดและช่วงเวลาที่รังแคเยอะ จะช่วยให้สังเกตเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดและปัญหาหนังศีรษะได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถหาวิธีจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม5
หากอาการรังแครุนแรงควรใช้แชมพูขจัดรังแค พร้อมกับปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น ฟลูโอซิโนโลน ซึ่งช่วยลดอาการคันและการลอกของหนังศีรษะ หรืออาจเป็นยาที่ยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น พิเมโครลิมัส หรือทาโครลิมัส เพื่อลดการอักเสบ
นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลตภายใต้การควบคุม เพื่อช่วยบรรเทาอาการรังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ5
การสระผมทุกวันอาจทำให้หนังศีรษะแห้งได้ เนื่องจากการสระผมบ่อยเกินไปจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกจากหนังศีรษะมากเกินไป เมื่อขาดน้ำมันหล่อเลี้ยง หนังศีรษะจะแห้งและอาจเกิดการหลุดลอกเป็นขุยได้9
การสระผมบ่อยๆ หรือสระทุกวันอาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องรังแคเสมอไป การใช้แชมพูขจัดรังแคสูตรอ่อนโยน สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจเพียงพอที่จะควบคุมปัญหารังแคได้ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตปฏิกิริยาของหนังศีรษะหลังสระผมแต่ละครั้ง จะช่วยให้ค้นพบความถี่ในการสระผมที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด8
รังแคเกิดจากการอักเสบของผิวหนังศีรษะ เพราะเชื้อราที่อยู่บนหนังศีรษะ ในขณะที่หนังศีรษะลอกเกิดจากการที่ผิวหนังศีรษะขาดน้ำ อาจเกิดจากการที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือสภาพอากาศที่แห้งแล้ง การดูแลหนังศีรษะลอกมักจะเน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เช่น การใช้แชมพูที่อ่อนโยนและคอนดิชันเนอร์ หรือการใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงหนังศีรษะ6
โดยปกติแล้ว รังแคที่เกิดจากความมันหรือความแห้งของหนังศีรษะ สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง เช่น การสระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคเป็นประจำ หรือการใช้ทรีตเมนต์บำรุงหนังศีรษะ แต่หากรังแคเกิดจากโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ การดูแลรักษาด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากโรคเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การปล่อยรังแคที่เกิดจากโรคไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมร่วงถาวรจากแผลเป็นได้7
หากใช้แชมพูขจัดรังแคเป็นประจำอย่างน้อย 1 เดือนแล้ว อาการรังแคไม่หาย หรือมีเยอะมากกว่าเดิม เช่น มีรังแคเป็นจำนวนมาก คันหนังศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีผื่นแดงและบวม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วปัญหาเรื่องรังแคสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่หากอาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาตามปกติ อาจบ่งบอกถึงปัญหาอื่นๆ ที่ซับซ้อนกว่า เช่น โรคผิวหนังอักเสบ หรือภาวะอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน การพบแพทย์จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป2
รังแคเป็นสะเก็ดสีขาวที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะหลุดลอกเร็วกว่าปกติ มีสาเหตุหลักจากความไม่สมดุลของหนังศีรษะ ทั้งการมีความมันมากเกินไปซึ่งกระตุ้นการเจริญของเชื้อรา หรือหนังศีรษะที่แห้งจนลอกเป็นขุย รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศและการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม
รังแคไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาและบรรเทาได้โดยใช้แชมพูและทรีตเมนต์สำหรับขจัดรังแคโดยเฉพาะ สระผมให้เหมาะสมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ระคายเคือง กินอาหารที่มีประโยชน์ และจัดการความเครียด หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 เดือน ควรรับไปปรึกษาแพทย์
Reference