27 DEC 2024 บทความผลิตภัณฑ์ 5 นาทีในการอ่าน

รังแคเกิดจากอะไร? 7 วิธีทำให้หนังศีรษะสะอาด บอกลาปัญหารังแค

Key Takeaway

  • รังแคเป็นสะเก็ดสีขาวที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะหลุดลอกเร็วกว่าปกติ ส่งผลต่อความมั่นใจ โดยเฉพาะเมื่อหลุดร่วงติดเสื้อผ้าสีเข้ม
  • สาเหตุหลักมาจากหนังศีรษะไม่สมดุล ทั้งจากความมันที่ทำให้เชื้อรา Malassezia เจริญเติบโต ความแห้ง และการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพอากาศ อายุ เพศ และการสระผมที่ไม่เหมาะสม
  • การรักษาและป้องกันทำได้หลายวิธี เช่น ใช้แชมพูและทรีตเมนต์ขจัดรังแค สระผมด้วยแชมพูที่ปรับสมดุลหนังศีรษะ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ทำร้ายหนังศีรษะ กินอาหารที่มีประโยชน์ และควบคุมความเครียด
  • ควรพบแพทย์เมื่อใช้แชมพูขจัดรังแคแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 เดือน มีอาการรุนแรง คันมาก หรือหนังศีรษะแดงบวม เพราะอาจเกิดจากโรคผิวหนังที่ต้องได้รับการรักษาเฉพาะทาง

รังแคเกิดจากหนังศีรษะหลุดลอกเป็นขุยขาว มีสาเหตุจากความมันหรือแห้งเกินไป เชื้อรา สามารถลดรังแคได้ด้วยแชมพูสูตรขจัดรังแค การดูแลหนังศีรษะ หากรุนแรงควรพบแพทย์

รังแค ปัญหากวนใจหนังศีรษะ 

รังแคมีลักษณะเป็นแผ่นๆ ขุยๆ หรือสะเก็ดสีขาวบนหนังศีรษะ อยู่บริเวณโคนผม หรือเส้นผม ซึ่งอาจหลุดร่วงลงมาเกาะติดเสื้อผ้า โดยเฉพาะเสื้อสีเข้ม ทำให้เห็นได้ชัดเจน ปัญหานี้ส่งผลต่อความมั่นใจของผู้ที่ประสบปัญหา รังแคเกิดจากการที่เซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะหลุดลอกเร็วกว่าปกติ ในขณะที่คนทั่วไปเซลล์ผิวหนังจะผลัดเปลี่ยนทุกๆ ประมาณ 28 วัน แต่ผู้ที่มีรังแคจะมีการผลัดเซลล์เร็วกว่า ทำให้เกิดสะเก็ดสีขาวขึ้นมา1

หนังศีรษะไม่สมดุล ทำให้เกิดรังแค

ความสมดุลของหนังศีรษะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อสุขภาพเส้นผม หากหนังศีรษะขาดความสมดุล ก็อาจนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ที่ทำให้เกิดรังแคได้2 ดังนี้

  • หนังศีรษะมัน เชื้อราที่เป็นสาเหตุของรังแค (Malassezia) เจริญเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มัน ดังนั้นผู้ที่มีหนังศีรษะมันจึงมีโอกาสเป็นรังแคสูง
  • ผิวหนังแห้ง การขาดความชุ่มชื้นของหนังศีรษะอาจทำให้เซลล์ผิวหลุดลอกและเกิดเป็นรังแคได้
  • ผิวหนังอักเสบ ภาวะผิวหนังอักเสบ เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคผิวหนังอักเสบจากเชื้อรา ทำให้เกิดรังแคได้

สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดรังแค

สาเหตุของรังแคเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวหนังบนศีรษะเร็วกว่าปกติ ทำให้เกิดสะเก็ดสีขาวหลุดลอกออกมาจากปัจจัยดังนี้2 

  • สภาพอากาศ อากาศแห้งหรือเย็นจัด อาจทำให้รังแครุนแรงขึ้น
  • อายุที่มากขึ้น รังแคมักพบได้บ่อยในช่วงวัยหนุ่มสาวถึงวัยกลางคน แต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ และบางคนอาจมีรังแคเรื้อรัง
  • เพศ โดยทั่วไปเพศชายมีแนวโน้มที่จะเป็นรังแคมากกว่าเพศหญิง ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเพศชาย
  • การไม่สระผม ทำให้สิ่งสกปรกและเซลล์ผิวตายสะสมบนหนังศีรษะ
  • สระผมบ่อยเกินไป การสระผมบ่อยเกินไปอาจทำให้หนังศีรษะแห้งและระคายเคือง
  • ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสมหรือแพ้ผลิตภัณฑ์บางชนิด อาจกระตุ้นให้เกิดรังแค
  • โรคบางชนิด เช่น โรคพาร์กินสัน หรือโรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน เช่น เอชไอวี อาจทำให้เกิดรังแคได้ เนื่องจากโรคเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพผิวหนัง

7 วิธีการบำรุงหนังศีรษะ บอกลารังแค

รังแคเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ มาดู 7 วิธีง่ายๆ ที่จะช่วยให้กำจัดรังแค และมีหนังศีรษะที่สะอาด สดชื่น ไร้รังแคดังนี้

1. ใช้แชมพูขจัดรังแค

แชมพู ที่ช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของรังแค นอกจากนี้ ยังช่วยปรับสมดุลของหนังศีรษะ ลดอาการคัน และช่วยให้หนังศีรษะชุ่มชื้นมากขึ้น โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากขิง เมล็ดทานตะวัน เทคโนโลยีไฟโตครีเอทีน เทคโนโลยีไลโปโซม เพราะจะช่วยจัดการปัญหารังแคได้ 

2. ใช้ทรีตเมนต์บำรุงหนังศีรษะ

บำรุงหนังศีรษะด้วยทรีตเมนต์ที่มีสารสกัดพืชพรรณหลากชนิดอย่าง เมล็ดทานตะวัน โสมไซบีเรีย จะช่วยปรับสมดุล ฟื้นฟูและบำรุงหนังศีรษะอย่างล้ำลึก พร้อมปกป้องเส้นผมจากความเสียหาย นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีเทคโนโลยีไฟโต จะสามารถนำสารอาหารจากธรรมชาติซึมลึกสู่หนังศีรษะและเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

3. สระผมเป็นประจำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

หากคุณมีผมเส้นเล็กหรือตรงตามธรรมชาติ หรือหนังศีรษะมัน ควรใช้แชมพูขจัดรังแคโดยประมาณสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อควบคุมความมัน แต่หากคุณมีเส้นผมหยาบหรือหยิกตามธรรมชาติ ให้สระผมเมื่อจำเป็นเท่านั้น และใช้แชมพูขจัดรังแคประมาณสัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอแล้ว 

ควรระวังการใช้แชมพูขจัดรังแคบ่อยเกินไปสำหรับคนผมหยิกหรือผมหยักศก เนื่องจากส่วนผสมในแชมพูอาจทำให้ผมแห้งเสียได้ หากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้สลับกับแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่เหมาะกับผมหยิกเพื่อบำรุงเส้นผมให้ชุ่มชื้น3

4. หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี

การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีจะช่วยลดรังแคได้ ซึ่งสารเคมีบางชนิดที่พบในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น น้ำหอมและสารกันเสีย ซึ่งมักมีอยู่ในแชมพูและครีมนวดผม เป็นสาเหตุของการเกิดรังแคได้ เนื่องจากอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้ต่อหนังศีรษะของผู้ที่มีผิวบอบบาง 

นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจกระตุ้นให้เกิดรังแคได้ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้หนังศีรษะแห้ง ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมาเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยความชุ่มชื้นที่สูญเสียไป ซึ่งสภาวะที่หนังศีรษะมันและแห้งสลับกันนี้ จะเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของเชื้อรา Malassezia ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดรังแค

5. กินอาหารที่มีประโยชน์

การกินอาหารที่มีกรดไขมันโอเมกา 3 สูง เช่น ปลาแซลมอน และการเสริมโพรไบโอติกส์ อาจช่วยลดอาการคันและการลอกของหนังศีรษะได้ เพราะจะช่วยลดการอักเสบและปรับสมดุลของจุลินทรีย์บนหนังศีรษะ4

6. ควบคุมความเครียด

สังเกตหรือไม่ว่าเวลาเราเครียด รังแคจะยิ่งเยอะ? การลดและจัดการระดับความเครียดเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยบรรเทาปัญหารังแคได้ เนื่องจากความเครียดสามารถกระตุ้นให้เกิดรังแคได้ อาจลองผ่อนคลายด้วยการทำโยคะ นั่งสมาธิ หรือเดินเล่นเป็นประจำ การจดบันทึกความรู้สึกเครียดและช่วงเวลาที่รังแคเยอะ จะช่วยให้สังเกตเห็นความเชื่อมโยงระหว่างความเครียดและปัญหาหนังศีรษะได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถหาวิธีจัดการกับความเครียดได้อย่างเหมาะสม5

7. รักษาด้วยยา

หากอาการรังแครุนแรงควรใช้แชมพูขจัดรังแค พร้อมกับปรึกษาแพทย์เพื่อรับยาที่มีส่วนผสมของคอร์ติโคสเตียรอยด์ เช่น ฟลูโอซิโนโลน ซึ่งช่วยลดอาการคันและการลอกของหนังศีรษะ หรืออาจเป็นยาที่ยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เช่น พิเมโครลิมัส หรือทาโครลิมัส เพื่อลดการอักเสบ 

นอกจากนี้ แพทย์อาจแนะนำการรักษาด้วยแสงอัลตราไวโอเลตภายใต้การควบคุม เพื่อช่วยบรรเทาอาการรังแคได้อย่างมีประสิทธิภาพ5

สระผมทุกวันทำไมมีรังแค

การสระผมทุกวันอาจทำให้หนังศีรษะแห้งได้ เนื่องจากการสระผมบ่อยเกินไปจะชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกจากหนังศีรษะมากเกินไป เมื่อขาดน้ำมันหล่อเลี้ยง หนังศีรษะจะแห้งและอาจเกิดการหลุดลอกเป็นขุยได้9

สระผมบ่อยๆ ช่วยลดรังแคได้ จริงไหม

การสระผมบ่อยๆ หรือสระทุกวันอาจไม่จำเป็นสำหรับทุกคนที่มีปัญหาเรื่องรังแคเสมอไป การใช้แชมพูขจัดรังแคสูตรอ่อนโยน สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง อาจเพียงพอที่จะควบคุมปัญหารังแคได้ อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตปฏิกิริยาของหนังศีรษะหลังสระผมแต่ละครั้ง จะช่วยให้ค้นพบความถี่ในการสระผมที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด8

หนังศีรษะลอกกับรังแคต่างกันอย่างไร

หนังศีรษะลอกกับรังแคต่างกันอย่างไร

รังแคเกิดจากการอักเสบของผิวหนังศีรษะ เพราะเชื้อราที่อยู่บนหนังศีรษะ ในขณะที่หนังศีรษะลอกเกิดจากการที่ผิวหนังศีรษะขาดน้ำ อาจเกิดจากการที่ร่างกายได้รับน้ำไม่เพียงพอ การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่มีฤทธิ์รุนแรง หรือสภาพอากาศที่แห้งแล้ง การดูแลหนังศีรษะลอกมักจะเน้นไปที่การเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ เช่น การใช้แชมพูที่อ่อนโยนและคอนดิชันเนอร์ หรือการใช้น้ำมันมะพร้าวบำรุงหนังศีรษะ6

รังแคสามารถหายเองได้หรือไม่

โดยปกติแล้ว รังแคที่เกิดจากความมันหรือความแห้งของหนังศีรษะ สามารถดูแลรักษาได้ด้วยตัวเอง เช่น การสระผมด้วยแชมพูขจัดรังแคเป็นประจำ หรือการใช้ทรีตเมนต์บำรุงหนังศีรษะ แต่หากรังแคเกิดจากโรคผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังอักเสบ โรคสะเก็ดเงิน หรือโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ การดูแลรักษาด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เนื่องจากโรคเหล่านี้จำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การปล่อยรังแคที่เกิดจากโรคไว้โดยไม่รักษา อาจนำไปสู่ปัญหาที่รุนแรงขึ้น เช่น ผมร่วงถาวรจากแผลเป็นได้7

รังแคแบบไหนควรไปหาหมอ

หากใช้แชมพูขจัดรังแคเป็นประจำอย่างน้อย 1 เดือนแล้ว อาการรังแคไม่หาย หรือมีเยอะมากกว่าเดิม เช่น มีรังแคเป็นจำนวนมาก คันหนังศีรษะอย่างรุนแรง หรือมีผื่นแดงและบวม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังโดยเร็วที่สุด แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วปัญหาเรื่องรังแคสามารถรักษาได้ด้วยตัวเอง แต่หากอาการไม่ตอบสนองต่อการรักษาตามปกติ อาจบ่งบอกถึงปัญหาอื่นๆ ที่ซับซ้อนกว่า เช่น โรคผิวหนังอักเสบ หรือภาวะอื่นๆ ที่มีอาการคล้ายคลึงกัน การพบแพทย์จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องและการรักษาที่เหมาะสมต่อไป2

สรุป

รังแคเป็นสะเก็ดสีขาวที่เกิดจากเซลล์ผิวหนังบนหนังศีรษะหลุดลอกเร็วกว่าปกติ มีสาเหตุหลักจากความไม่สมดุลของหนังศีรษะ ทั้งการมีความมันมากเกินไปซึ่งกระตุ้นการเจริญของเชื้อรา หรือหนังศีรษะที่แห้งจนลอกเป็นขุย รวมถึงปัจจัยภายนอกอย่างสภาพอากาศและการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่เหมาะสม 

รังแคไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาและบรรเทาได้โดยใช้แชมพูและทรีตเมนต์สำหรับขจัดรังแคโดยเฉพาะ สระผมให้เหมาะสมสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ระคายเคือง กินอาหารที่มีประโยชน์ และจัดการความเครียด หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 เดือน ควรรับไปปรึกษาแพทย์

Reference

  1. ชนิษฎา วงษ์ประภารัตน์. รังแค (Dandruff). si.mahidol.ac.th. Published 21 August 2017. Retrieved 12 December 2024.
  2. Pobpad. รังแค (Dandruff) - อาการ, สาเหตุ, การรักษา. pobpad.com. Retrieved 12 December 2024.

  3. Brooke Schleehauf. How to treat dandruff. aad.org. Published 12 November 2023. Retrieved 12 December 2024.
  4. Rachael Ajmera. 10 Home Remedies to Get Rid of Dandruff Naturally. healthline.com. Published 29 January 2024. Retrieved 12 December 2024.

  5. Shawna Seed. Dandruff Treatment and Home Remedies. webmd.com. Published 25 May 2024. Retrieved 12 December 2024.
  6. Ashley Marcin. Dandruff: Causes and How to Get Rid of It. healthline.com. Published 19 July 2024. Retrieved 12 December 2024.
  7. Absolutehairclinic. https://absolutehairclinic.com/dandruff/. absolutehairclinic.com. Retrieved 12 December 2024.

  8. Nikhil Ambatkar. 20 Effective Home Remedies to Get Rid of Dandruff Naturally. truemeds.in. Published 30 October 2024. Retrieved 12 December 2024.
  9. Mandy Ferreira. How Often Should You Wash Your Hair?. healthline.com. Published 19 June 2018. Retrieved 12 December 2024.