25 DEC 2024 บทความผลิตภัณฑ์ 6 นาทีในการอ่าน

ผลัดเซลล์ผิวหน้าแบบไหน ให้เผยผิวกระจ่างใส หน้าอ่อนเยาว์กว่าวัย

Key Takeaway

  • การผลัดเซลล์ผิวหน้าเป็นกระบวนการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากผิวหน้า ช่วยเร่งการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ผิวดูเยาว์วัย และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
  • การผลัดเซลล์ผิวมี 3 วิธีหลัก คือ Physical Exfoliator ที่ใช้วิธีขัดผิวแบบกายภาพ เช่น บวบ สครับ แปรง และ Chemical Exfoliants ที่ใช้สารเคมีอย่าง AHA, BHA หรือเอนไซม์จากธรรมชาติในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว รวมถึง Mechanical Exfoliator ที่ใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป
  • สารที่นิยมใช้ในการผลัดเซลล์ผิวมีหลากหลาย เช่น เอนไซม์จากเห็ดและทับทิมที่อ่อนโยน, AHA จากผลไม้, BHA ที่ละลายได้ในน้ำมัน และ Mandelic Acid ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอนไซม์ โดยแต่ละชนิดเหมาะกับสภาพผิวที่แตกต่างกัน
  • การเลือกวิธีผลัดเซลล์ผิวควรพิจารณาตามสภาพผิว เช่น ผิวแพ้ง่ายควรใช้เอนไซม์ที่อ่อนโยน ผิวมันเหมาะกับ BHA ส่วนผิวแห้งควรใช้ AHA และควรปรับความถี่ในการผลัดเซลล์ผิวตามความทนของผิว ตั้งแต่ทุกวันไปจนถึง 2-3 สัปดาห์ต่อครั้ง

การผลัดเซลล์ผิวหน้า มี 3 วิธีหลัก คือขัดผิวแบบกายภาพ ใช้สารเคมี และใช้อุปกรณ์/เทคโนโลยี ควรเลือกวิธีให้เหมาะกับสภาพผิวและควรผลัดเซลล์ผิวอาทิตย์ละ 2 วัน

การผลัดเซลล์ผิวหน้า คืออะไร ทำไมต้องผลัดผิว?

การผลัดเซลล์ผิวหน้า (Facial Exfoliation) คือ กระบวนการขจัดเซลล์ผิวบริเวณใบหน้าที่ตายแล้วออกจากผิวด้วยวิธีการหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการผลัดเซลล์ผิวหน้าเป็นประจำสามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและผิวหย่อนคล้อยได้ เพราะการผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอสามารถเพิ่มการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวเปล่งปลั่งสดใส เสริมสร้างความยืดหยุ่นของผิวให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหารูขุมขนอุดตัน เผยผิวหน้าที่เรียบเนียนได้มากขึ้น1,2

โดยปกติแล้วผิวจะมีการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วโดยธรรมชาติ เพื่อสร้างพื้นที่สำหรับเซลล์ใหม่โดยประมาณ 28 วัน ซึ่งในบางครั้ง เซลล์ผิวที่ตายแล้วจะไม่ผลัดออกหมด โดยเฉพาะเมื่อยิ่งมีอายุมากขึ้น อาทิ

  • อายุ 40 ปีขึ้นไป จะใช้เวลาผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ 30-42 วัน
  • อายุ 50 ปีขึ้นไป จะใช้เวลาผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ 45-84 วัน

จะเห็นได้ว่า การผลัดเซลล์ผิวจะยิ่งใช้เวลานานขึ้น ส่งผลให้เกิดผิวแห้งเป็นขุย รูขุมขนอุดตันและมีริ้วรอย ทำให้ผิวมีอายุ จึงต้องกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว เพื่อช่วยลดปัญหาผิวเหล่านี้

การผลัดเซลล์ผิวหน้ามีกี่แบบ

การผลัดเซลล์ผิวหน้ามีกี่แบบ

การผลัดเซลล์ผิวหน้าสามารถแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ1,3 ดังนี้

สครับ เม็ดบีดส์ หรือวิธีทางกายภาพ (Physical Exfoliator)

เป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้าที่ต้องขัดหรือถู เช่น การใช้สครับ แปรงขัดตัว ใยขัดผิว รวมไปถึงการนวดหน้าหรือขัดหน้าเพื่อผลัดเซลล์ผิว โดยข้อดีของการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีนี้คือสามารถผลัดเซลล์ผิวหน้าได้ด้วยตัวเอง ทำเองที่บ้านได้ หรือสามารถนำส่วนผสมต่างๆ เช่น กากกาแฟ นม น้ำผึ้ง น้ำมันมะพร้าว ฯลฯ มาผสมตามสูตรให้เป็นสครับผิวในแบบของตัวเองได้ ทำให้วิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าทางกายภาพจึงเป็นที่นิยมกันทั่วไป 

อย่างไรก็ตาม หากทำไม่ถูกต้อง หรือทำด้วยความรุนแรงเกินไป การผลัดเซลล์ผิวแบบกายภาพอาจทำร้ายผิวหนัง ทำให้ผิวเป็นแผล หรือเกิดการระคายเคือง และอาจทำให้ผิวหนังสูญเสียน้ำได้ จึงควรทำด้วยความระมัดระวัง

สารผลัดเซลล์ผิว (Chemical Exfoliants)

เป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมีและเอนไซม์จากธรรมชาติ มักเป็นในรูปแบบของผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น Alpha Hydroxy Acids (AHA), Beta Hydroxy Acid (BHA), Mandelic Acid เป็นต้น 

โดยจุดเด่นของการใช้สารเคมีและเอนไซม์ในการผลัดเซลล์ผิวคือ สามารถเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการใช้วิธีทางกายภาพ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยผลัดเซลล์นั้นจะใช้ทาเฉพาะจุด และส่วนผสมทั้งหมดจะทำงานโดยแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวหนัง จึงให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่า

อุปกรณ์ขัดผิว (Mechanical Exfoliator)

เป็นวิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้าที่มีหลักการคล้ายกับวิธีทางกายภาพ แต่ใช้เครื่องมือที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหน้าโดยเฉพาะ โดยอุปกรณ์นั้นมีตั้งแต่เครื่องมือที่สามารถใช้งานได้ด้วยตนเอง ไปจนถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น 

ไมโครเดอร์มาเบรชัน (Microdermabrasion)

เป็นอุปกรณ์ที่ใช้การพ่นน้ำสะอาดบนผิวหน้าเพื่อเข้าไปล้างรูขุมขน พร้อมกับดูดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้อย่างล้ำลึก ช่วยให้ผิวสะอาด ไม่อุดตัน รูขุมขนกระชับ เรียบเนียน และดูอ่อนเยาว์ขึ้น มักใช้เป็นขั้นตอนต่อจากสารผลัดเซลล์ผิว สามารถทำได้ด้วยตัวเองที่บ้าน

แปรงขัดหน้า (Sonic Facial Brush) 

ใช้การสั่นของหัวแปรงเพื่อทำให้สิ่งสกปรก และรูขุมขนที่อุดตันบนผิวหลุดออกมาขณะใช้แปรง นิยมใช้ร่วมกับการล้างหน้า ทำจากวัสดุหลากหลายประเภท สามารถทำได้ด้วยตัวเองเช่นกัน

เลเซอร์กรอผิว (Lasabrasion) 

เป็นการใช้แสงเลเซอร์ยิงไปบนผิวหนังที่มีความผิดปกติ เพื่อลอกผิวออกทีละชั้น ตามด้วยทรีตเมนต์อื่นๆ เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างชั้นผิวใหม่ที่สุขภาพดีขึ้น ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

ด้วยความที่เป็นอุปกรณ์ที่ใช้เพื่อการผลัดเซลล์ผิวโดยเฉพาะ ทำให้สามารถขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และทำความสะอาดรูขุมขนได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ การใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีใดๆ ควรศึกษาวิธีการใช้งานอย่างถี่ถ้วน รวมถึงผลข้างเคียงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้

จะเห็นได้ว่าวิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้าทั้ง 3 แบบนั้น ต่างก็มีข้อดีและข้อควรระวังแตกต่างกันไป จึงควรเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวของแต่ละคน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์บางชนิดได้รวมจุดเด่นของการผลัดเซลล์ผิวแต่ละแบบ คิดค้นออกแบบผสานกันเป็น System ให้ทำงานร่วมกันได้อย่างอ่อนโยน กลายเป็นนวัตกรรมการบำรุงผิวที่ช่วยให้ผิวดูอ่อนเยาว์ พร้อมทั้งลดปัญหาอันเกิดจากการผลัดเซลล์ผิวไม่ดี ให้ผิวดูอ่อนเยาว์ลงใจระยะเวลาไม่นาน

สารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน

มาดูสารที่ช่วยผลัดเซลล์ได้อย่างอ่อนโยน และสามารถแทรกซึมได้ถึงชั้นผิวหนัง เพราะเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติ ซึ่งสารที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน มีด้วยกันดังนี้

Mushroom Enzyme

เอนไซม์ที่ได้จากเห็ดเป็นส่วนผสมจากธรรมชาติถึง 98% โดยจะช่วยแยกการเชื่อมต่อระหว่างเซลล์ผิวชั้นขี้ไคล ทำให้การเกาะตัวของเซลล์ผิวเก่าในชั้นหนังกำพร้าลดลง และผลัดเซลล์ผิวเก่าให้ออกได้ง่ายมากขึ้น จึงอ่อนโยนกับผิวเพราะไม่ต้องทำปฏิกิริยารุนแรงก็สามารถทำให้เซลล์ผิวถูกผลัดออกได้

Pomegranate Enzyme

เอนไซม์อ่อนโยนจากทับทิม มีส่วนช่วยในการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิว เพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นนอกที่เสื่อมสภาพ รวมถึงเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้ออกไป

Mandelic Acid

กรดแมนเดลิก คือตัวช่วยปรับสภาพแวดล้อมผิวให้เหมาะสมต่อการทำงานของเอนไซม์ ทำให้เอนไซม์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ดีขึ้น โดยสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการย่อยโปรตีนของเอนไซม์จากเห็ดเพิ่มขึ้น 25%

Alpha Hydroxy Acids (AHA)

AHA คือสารผลัดเซลล์ผิวจากผลไม้และธรรมชาติที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น

  • กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) ซึ่งได้มาจากอ้อย
  • กรดแลกติก (Lactic Acid) ซึ่งพบได้ในนมเปรี้ยวและผักดอง
  • กรดซิตริก (Citric Acid) ซึ่งพบได้ในผลไม้รสเปรี้ยว
  • กรดทาร์ทาริก (Tartaric Acid) ซึ่งพบได้ในองุ่น
  • กรดมาลิก (Malic Acid) ซึ่งพบได้ในแอปเปิล

โดยกรดผลไม้จะช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวให้เร็วขึ้น พร้อมทั้งกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีเม็ดสีสม่ำเสมอมาแทนที่เซลล์ผิวเก่า อีกทั้งยังเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนัง จึงช่วยให้ผิวเรียบเนียน สดใส ลดปัญหาริ้วรอยได้ ทำให้สาร AHA จึงถูกใช้อย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเครื่องสำอาง รวมถึงในวงการแพทย์ยังนำ AHA มาใช้ในการรักษาปัญหาผิว เช่น สิว ริ้วรอย ติ่งเนื้อเล็กๆ เป็นต้น

Beta Hydroxy Acid (BHA)

BHA หรือที่รู้จักกันอีกชื่อหนึ่ง คือ กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เป็นสารที่ช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกจากรูขุมขนลึกๆ ได้ เนื่องจากเป็นสารที่มีคุณสมบัติละลายในไขมัน BHA จึงซึมลึกเข้าไปในรูขุมขนเพื่อขจัดน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวเก่าที่ตกค้างอยู่ในรูขุมขน 

นอกจากนี้ ยังช่วยให้ริ้วรอยดูตื้นขึ้น พร้อมทั้งลดรอยแดงที่เกิดจากการอักเสบ และจากการถูกแสงแดดทำร้ายผิวได้ ทำให้ BHA มักถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ทั้งมอยส์เจอไรเซอร์ โฟมล้างหน้า และโทนเนอร์ เพื่อทำความสะอาดผิว ลดน้ำมันส่วนเกิน รวมถึงลดปัญหาสิวและริ้วรอยได้1,5

ควรผลัดเซลล์ผิวบ่อยแค่ไหน

ควรผลัดเซลล์ผิว 2 ครั้งต่อสัปดาห์ เพื่อช่วยชะลอการสะสมเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และช่วยคงสภาพผิวให้ดูสุขภาพดีและเปล่งปลั่งอยู่เสมอ1

5 ประโยชน์ของการผลัดเซลล์ผิวหน้า

5 ประโยชน์ของการผลัดเซลล์ผิวหน้า

การผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างสม่ำเสมอ มีประโยชน์ทำให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้นได้6 ดังนี้

1. ช่วยให้ริ้วรอย แลดูจางลง

เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหนังจะผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้น้อยลง ซึ่งจะเกิดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว เซลล์ผิวที่สะสมเหล่านี้จะทำให้ริ้วรอยและรอยย่นชัดเจนขึ้น การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและเสริมสร้างการผลิตของเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งจะช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยย่นได้

2. ช่วยให้ผิวเรียบเนียน

เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่บนผิวมากๆ จะทำให้ผิวดูหมองคล้ำและหยาบกร้าน การผลัดเซลล์ผิวหน้าจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวรู้สึกเรียบเนียนและนุ่มนวลเมื่อสัมผัส ช่วยให้สภาพผิวโดยรวมดูมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์มากขึ้น

3. ผิวดูกระจ่างใสขึ้น สีผิวสม่ำเสมอ

การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่สะสมอยู่และเผยให้เห็นสีใต้ผิวที่สดใสมากขึ้น รวมถึงช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่มีเม็ดสีสม่ำเสมอมาแทนที่ด้วย

4. มีส่วนช่วยลดโอกาสเกิดสิว

การผลัดเซลล์ผิวจะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและป้องกันไม่ให้เข้าไปอุดตันรูขุมขนได้ ซึ่งจะช่วยลดโอกาสและความรุนแรงของการเกิดสิวได้

5. ช่วยให้ผิวเปิดรับการบำรุงที่ดีขึ้น

เซลล์ผิวที่ตายแล้วที่สะสมอยู่บนผิวจะขัดขวางไม่ให้สารบำรุงผิวซึมซาบลึกเข้าไปในชั้นผิว การผลัดเซลล์ผิวเป็นประจำจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ขัดขวางนี้และทำให้สารบำรุงผิวซึมซาบได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น

เคล็ดลับการเลือกวิธีผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะกับตนเอง

แม้ว่าการผลัดเซลล์ผิวหน้าจะช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ขึ้น แต่สภาพผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จึงต้องเลือกวิธีผลัดเซลล์ผิวหน้าที่เหมาะกับตนเองเพื่อไม่ให้เกิดการระคายเคืองได้1

ผิวแพ้ง่าย

ผิวแพ้ง่ายสามารถสังเกตได้จากอาการแสบหรือระคายเคืองหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จึงควรเลือกผลัดเซลล์ผิวหน้าอย่างอ่อนโยนด้วยผลิตภัณฑ์ที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งจะมีโอกาสระคายเคืองน้อยกว่าการผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีทางกายภาพ รวมถึงแนะนำให้ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังก่อนให้ผลิตภัณฑ์ใดๆ

ผิวธรรมดา

คนที่มีผิวปกติ ผิวมีความสมดุล ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป สามารถใช้วิธีการผลัดเซลล์ผิวได้ทั้งแบบกายภาพ ทางเคมี และทางอุปกรณ์ ขึ้นอยู่กับความชอบและความสะดวกของแต่ละคน

ผิวแห้ง

คนที่มีผิวแห้งเป็นขุยหรือหยาบกร้าน สามารถผลัดเซลล์ผิวหน้าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารผลัดเซลล์ผิวจากธรรมชาติ เช่น เอนไซม์เห็ด เอนไซม์ทับทิม กรดแมนเดลิก ที่สามารถทะลุผิวชั้นบนได้อย่างอ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวระคายเคือง

ผิวมัน

คนผิวมันจะมีผิวดูมันวาวและรู้สึกมันเยิ้ม แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวหน้าที่มีสารเคมีฤทธิ์แรง รวมถึงใช้วิธีการผลัดเซลล์ผิวแบบกายภาพ และแบบอุปกรณ์ เช่น ไมโครเดอมาเบรชั่น เพื่อให้ผลัดเซลล์ผิวได้มากขึ้น และช่วยให้ผิวสะอาด ลดความมันให้น้อยลงได้

ผิวผสม

ผิวผสมจะมีลักษณะเป็นผิวมันและแห้งผสมกัน จึงต้องเลือกใช้วิธีการผลัดเซลล์ผิวหน้าแบบเฉพาะจุด โดยจุดที่ผิวมันสามารถใช้วิธีทางกายภาพหรืออุปกรณ์ผลัดเซลล์ผิวได้ ส่วนจุดที่ผิวแห้งสามารถใช้สารผลัดเซลล์ผิวจากธรรมชาติ หรือสลับใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอื่นๆ ตามความเหมาะสม

ผิวเป็นสิว

หากมีผิวที่เกิดสิวได้ง่าย หรือเป็นสิวเล็กน้อยถึงปานกลาง แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ AHA และ BHA เช่น กรดซาลิไซลิก หรือกรดไกลโคลิก เป็นต้น เพราะเป็นสารที่ช่วยทั้งผลัดเซลล์ผิว และลดปัญหาสิวได้ในคราวเดียว

แม้ว่าร่างกายจะสามารถผลัดเซลล์ผิวเก่าได้เองตามธรรมชาติ แต่ยิ่งอายุมาก ก็ยิ่งใช้เวลาในการผลัดเซลล์ที่นานขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวหน้า ไม่เพียงแต่จะทำให้ผิวดูเรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยได้เร็วขึ้นแล้ว แต่ยังช่วยลดการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ให้ตกค้างบนผิวเป็นเวลานานด้วย การผลัดเซลล์ผิวอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพผิวให้สวยงาม โดยใช้ผลิตภัณฑ์ขัดผิวที่อ่อนโยนหรือใช้สารเคมีที่เหมาะกับสภาพผิวเพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยให้มีผิวที่อ่อนเยาว์ ห่างไกลจากริ้วรอยได้แล้ว

Reference

  1. Adrienne Santos-Longhurst. What Does It Mean to Exfoliate? Why You Should and How to Start. healthline.com. Published 17 April 2023. Retrieved 9 December 2024.

  2. Kristeen Cherney. How to Remove Dead Skin from Your Face. healthline.com. Published 8 March 2019. Retrieved 9 December 2024.

  3. National Laser Institute. Exfoliation Equipment: A Breakdown of Various Modalities. nationallaserinstitute.com. Retrieved 9 December 2024.

  4. พญาไท. หน้าขาวใสด้วยกรดผลไม้ AHA ผลัดเซลล์ผิวเก่า ปรับสภาพผิวอย่างปลอดภัย. phyathai.com. Published 4 April 2022. Retrieved 9 December 2024.

  5. Pobpad. แก้ไขปัญหาผิวด้วย BHA และเทคนิคการใช้ให้ปลอดภัย. pobpad.com. Retrieved 9 December 2024.

  6. Denis John. The benefits of regular exfoliation for skin health and beauty. oregonstate.edu. Published 18 March 2023. Retrieved 9 December 2024.