ลิปตินทน ไม่ติดแมสก์ เลือกยังไง? พร้อมวิธีทาลิปให้ทนนาน อยู่ตลอดวัน

เทคนิคการทาลิปให้ติดทน ไม่ติดแมสก์ ควรเลือกใช้ลิปทินท์ที่มีเบสเป็นน้ำ เพื่อไม่ให้สีลิปหลุดลอกง่าย และยังช่วยบำรุงให้ปากดูชุ่มชื้น ดูมีสุขภาพดี สวยเด้ง ฉ่ำโกลว์ตลอดทั้งวัน

ลิปทินท์ ติดทนนาน ไม่ติดแมสก์

ลิปทินท์คือ ลิปประเภทหนึ่งที่มีต้นกำเนิดจากประเทศเกาหลีใต้ที่มีส่วนประกอบหลักเป็นน้ำ มีเนื้อบางเบา เกลี่ยง่าย หลังจากทาบนลงริมฝีปากแล้ว น้ำจะระเหยออกไปเหลือเพียงเม็ดสีทิ้งไว้ แต่ยังคงความชุ่มชื้นบนริมฝีปากนอกจากนี้ลิปทินท์ยังติดทนไม่ติดแมสก์หรือเลอะติดตามขอบแก้วเหมือนลิปประเภทอื่นๆ สวยทนทานถึง 8 ชั่วโมง สามารถนำไปครีเอตลุกได้หลากหลาย ให้การแต่งหน้าดูสวยคมชัดโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

จุดเด่นของลิปทินท์ ทำไมต้องมีติดตัว

หลังจากที่ได้ทำความรู้จักเกี่ยวกับลิปทินต์และเนื้อสัมผัสแบบคร่าวๆ กันไปแล้ว มาทำความรู้จักจุดเด่นของลิปทินท์เพิ่มกันอีกสักนิด คลายข้อสงสัยว่าทำไมใครๆ ถึงต้องมีลิปทินท์ติดตัวกัน 

ลิปติดทน อยู่ได้ทั้งวัน

ลิปทินท์ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นลิปที่ให้ความติดทนมากที่สุด เนื่องจากมีเนื้อสัมผัสที่เป็นน้ำ หลังจากที่ทาไปบนปากไปสักพัก น้ำจะระเหยออกไปเหลือเพียงแต่สีทิ้งไว้ (stain) ทำให้สีติดทนนาน ไม่ต้องหมั่นเติมบ่อยๆ โดยเฉพาะลิปทินท์เนื้อแมตต์ หลังทาเนื้อลิปจะเซ็ตตัวเข้ากับริมฝีปาก ให้ความบางเบา ติดทนอยู่ได้ทั้งวัน ไม่มีหลุดลอก ทำให้ไม่ต้องพกลิประหว่างวันนั่นเอง

ลิปเกลี่ยง่าย สร้างได้หลายลุก

เนื้อสัมผัสของลิปทินท์จะค่อนข้างเหลว เกลี่ยง่าย และให้ความรู้สึกเบาสบายปาก นอกจากนี้ยังสามารถนำมาครีเอตลุกด้วยการไล่ระดับสีบนริมฝากหรือที่เรียกกันว่าออมเบร (Ombré Lips) โดยจะเป็นการไล่สีเข้มริมฝีปากด้านในไปหาอ่อนแบบสาวเกาหลี หรือจะเน้นขอบปากแบบสายฝอ ก็ให้สีสวยคมชัด เรียกได้ว่าช่วยให้โดดเด่นได้ทุกลุกเลยทีเดียว

ลิปอเนกประสงค์ ใช้ได้ทุกโอกาส

ลิปทินท์ยังเป็นลิปติดทนอเนกประสงค์ที่ใช้ได้ทุกโอกาส ไม่ว่าจะนำมาทาบริเวณแก้มแทนบลัชออนหรือทาบนเปลือกตาแทนอายแชโดว์ เพราะมีเนื้อเบสบางเบา ดูธรรมชาติ ในวันที่สบายๆ หรือออกไปกำลังกายแต่ไม่อยากหน้าสด มีสีสันเล็กน้อย ก็สามารถใช้ลิปทินท์เพียงแค่แท่งเดียวก็เอาอยู่

ลิปช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ปาก

ลิปทินท์สมัยก่อนมักจะเน้นในส่วนของสีสวยมากกว่าความชุ่มชื้น จึงไม่ค่อยมีส่วนผสมของสารบำรุงที่ให้ความชุ่มชื้น แต่ในปัจจุบันลิปทินท์ถูกพัฒนาสูตรมากมาย ไม่ใช่แค่มอยส์เชอไรเซอร์ แต่ยังเติมวิตามินหรือสารสกัดจากธรรมชาติต่างๆ ให้ริมฝีปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทาลิปมันเพิ่มเติมแถมได้สีสวยคมชัดอีกด้วย

• เชียบัตเตอร์ เชียบัตเตอร์เป็นสารที่ทำให้ผิวเรียบเนียน เหมาะสำหรับคนที่ปากแห้งลอก เป็นขุย เพราะสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดี ช่วยให้ริมฝีปากชุ่มชื่นและนุ่มลง อีกทั้งยังบรรเทาอาการแสบไหม้บริเวณริมฝีปากจากวิตามินอี และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องต่างๆ ให้ดูตื้นและริมฝีปากดูอมชมพูมากขึ้น¹
• น้ำมันจากดอกทานตะวัน น้ำมันจากดอกทานตะวันมีมอยเจอร์ไรเซอร์เข้มข้น ป้องกันรอยแตก และบำรุงผิวที่เสียหายจากแสงแดดหรือปัจจัยภายนอกอื่นๆ ซึ่งน้ำมันดอกทานตะวันมักถูกใช้ในลิปบาล์มเพื่อเป็นเกราะปราการผิวสำหรับผิวแพ้ง่าย มีความปลอดภัยสูงอีกด้วย²
• อโลเวร่า มีสารที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับปาก ลดอาการระคายเคืองจากการอักเสบและสารต้านอนุมูลอิสระลดร่องแตกบริเวณผิวริมฝีปาก³
• วิตามินอี น้ำมันจากวิตามินอีมักถูกใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลรักษาริมฝีปาก เพราะมีคุณสมบัติกักเก็บความชุ่มชื้นและมีสารต้านอนุมูลอิสระเสริมเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวเนียนนุ่ม ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของน้ำมันวิตามินอีเช่น ลิปสติกวิตามินอี หรือลิปบาล์มวิตามินอีจึงสามารถช่วยการหมุนไหลเวียนโลหิตที่ดีขึ้น และทำให้ริมฝีปากเรียบเนียน อวบอิ่ม ไม่แห้งกร้าน⁴

7 เทคนิคทาลิปสติกยังไง ให้ติดทนนานตลอดทั้งวัน

หากต้องเติมลิปบ่อยจนเสียบุคลิก เพราะลิปไปติดอยู่แก้วหรือบนแมสก์หมด มาดู 7 เทคนิคทาลิปสติกให้ติดทนนานไม่ติดแมสตลอดวัน ไปดูกันเลย

1. สครับปากก่อนทาลิปสติก

เทคนิคแรกที่หลายๆ คนมองข้าม คือ การสครับปากก่อนทาลิปสติก จะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก ผิวริมฝีปากจะเนียนนุ่ม เมื่อทาลิปสติกแล้วจะไม่เป็นขุย ไม่ตกร่อง วิธีนี้จะทำให้ลิปติดทนยาวนานมากขึ้น

2. บำรุงปากด้วยลิปบาล์ม

ลิปบาล์มเป็นลิปที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นทำให้ทาลิปสติกปกติได้สวยขึ้นและปกป้องผิวริมฝีปากจากแสงแดดหรือมลภาวะต่างๆ หากเป็นคนที่มีผิวแพ้ง่ายควรเลือกลิปบาล์มที่มีที่ใส ปราศจากน้ำหอม กลิ่นหรือสีสังเคราะห์เพื่อป้องกันการแพ้หรือการระคายเคือง อีกทั้งควรเลือกลิปบาล์มที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อปากมีสุขภาพที่ดีชุ่มชื้นและเบาสบายไม่หนักปาก

3. ทารองพื้นที่ปาก

สำหรับใครที่มีปัญหาริมฝีปากคล้ำ การทารองพื้นที่ปากจะช่วยกลบสีของปากให้ดูอ่อนลงและสีสม่ำเสมอ เมื่อทาลิปจะได้สีที่ออกมาเฉดตรงกับแท่งมากขึ้นและสวยคมชัด อย่างไรก็ตามควรทาบางๆ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจทำให้ปากแห้งและตกร่องมากกว่าเดิม

4. ทาลิปทินท์

เลือกทาลิปทินท์ที่มีเนื้อแมตต์ กันน้ำ หรือลิปที่มีสีคมชัด เนื่องจากมีเบสที่เป็นน้ำ แม้ระเหยออกไปก็ยังให้เม็ดสีชัดติดนานกว่าลิปประเภทเนื้อกลอส หรือเนื้อครีม ลิปทินท์จึงเป็นลิปสติก ติด ทน นาน ได้รับความนิยมมากกว่าประเภทอื่นๆ

5. ซับลิปส่วนเกินด้วยทิชชู

อีกหนึ่งเทคนิคล็อกลิปสติกติดทนนานขึ้นจากช่างแต่งหน้าหลายๆ ท่าน คือการซับลิปส่วนเกินด้วยทิชชู นอกจากจะทำแล้วช่วยให้สีลิปไม่ติดฟัน ยังช่วยให้ลิปสวยติดทนทานขึ้น โดยสามารถทำได้โดยวางทิชชูไว้บนริมฝีปากแล้วใส่แป้งฝุ่นโปร่งแสงปัดเบาๆ จากนั้นทาลิปทับซ้ำอีกรอบ 

7. เพิ่มความฉ่ำวาวด้วยลิปกลอส

ใครที่กังวลว่าริมฝีปากยังดูแห้งหรือเห็นรอยตกร่องอยู่ สามารถเพิ่มความฉ่ำวาวอีกรอบด้วยลิปกลอส เพื่อเพิ่มความชุ่มชื่นให้ริมปากของเราดูอวบอิ่ม และเบลอร่องปาก ด้วยสารสกัดจากธรรมชาติโจโจบาและน้ำมันอาโวคาโด ซึ่งมีหลากหลายเฉดสีให้เลือกสำหรับทุกสีผิว สวยสะกดในแบบของตนเอง

สรุป

ลิปทินท์ คือลิปที่มีส่วนประกอบเป็นน้ำ เนื้อบางเบาเกลี่ยง่าย ทนทานอยู่ได้ตลอดวัน แทบไม่ต้องเติมซ้ำให้เสียบุคลิก เพราะตัวลิปติดทนไม่ติดแมส หรือแม้แต่แก้วน้ำ ซึ่งหากต้องการความติดทนที่เพิ่มมากขึ้นสามารถใช้เทคนิคจากช่างแต่งหน้าโดยการสครับและบำรุงปากก่อนทาลิป หลังจากนั้นใช้ทิชชูซับส่วนเกินก่อนที่จะทาทับอีกรอบและเติมลิปกลอสเพื่อให้ปากดูอิ่มสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด

Reference

1. Cleveland Clinic. 6 Incredible Benefits of Shea Butter. Health.clevelandclinic.org. Published 18 October 2022. Retrieved 5 February 2024.

2. Mihaela Stoia, Simona Oancea. Selected Evidence-Based Health Benefits of Topically Applied Sunflower Oil. researchgate.net. Published 20 April 2015. Retrieved 5 February 2024.

3. Owen Kramer. Can Aloe Vera Soothe Chapped Lips?. Healthline.com. Published 26 September 2019. Retrieved 5 February 2024.

4. Gina Fisher. Does vitamin E soothe your lips?. Health.howstuffworks.com. Published (no date). Retrieved 5 February 2024.

---

---